หากบัลลังก์เป็นเพียงภาพมายา แล้วความรักที่ปรารถนาจะเป็นนิรันดร์หรือภาพลวง
จีน,รัก,ดราม่า,ดราม่า,โรแมนติก,จีนโบราณ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
บัลลังก์ลวง (The Decietful Crown)หากบัลลังก์เป็นเพียงภาพมายา แล้วความรักที่ปรารถนาจะเป็นนิรันดร์หรือภาพลวง
การได้เป็นบุตรชายของฮองเฮาผู้สูงศักดิ์ควรเป็นสิ่งที่ผู้คนยำเกรงและอิจฉา ทว่าสำหรับ ‘เสวี่ยหยางฮ่องเต้’ มันกลับเป็นเหมือนตัวตลกในสายตาผู้อื่น เพราะเขาไม่เคยถูกพระบิดายอมรับและต้องแบกรับเกียรติยศไว้ แต่ก่อนที่อำนาจจะทำให้เขาไม่มีสิทธิ์เลือก เขาจึงประกาศแต่งตั้งสตรีผู้ดื้อรั้นของจวนไป๋เป็นฮองเฮาเคียงบัลลังก์ ‘ไป๋เยว่มี่’ คุณหนูรองของจวนผู้ถูกเลือกให้คอยช่วยประคองบัลลังก์มังกรให้มั่นคง เพราะเส้นทางเดียวที่เขาเลือกได้คือเส้นทางของจักรพรรดิ
แต่ท่ามกลางวังวนแห่งอำนาจ คนที่เคยไว้ใจ…กลับกลายเป็นคนที่ซ่อนความลับไว้สุดหัวใจ
หรือสุดท้ายราชบัลลังก์ที่ทุกคนปรารถนา คือภาพลวงตาที่หลอกลวงกัน
**เรื่องราวที่เกิดขึ้นมาจากจินตนาการของผู้เขียนเท่านั้น ไม่ได้อิงตามประวัติศาสตร์ โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านด้วยนะคะ
ภายในท้องพระโรงอันเงียบสงัด ขุนนางมากมายที่นั่งรอประชุมตอนเช้าอยู่ทางด้านขวามือ เบื้องหน้าของพวกเขาคือบัลลังก์มังกรที่ทำจากทองคำแกะสลักอย่างประณีตงดงาม วันนี้เหล่าขุนนางต้องเข้าร่วมสภาเพื่อรอต้อนรับขบวนขององค์ชาย ‘เทียนหวังจั่ว’ ที่เสด็จกลับมาจากการรบชายแดน แม้แต่ ‘เสวี่ยหยางฮ่องเต้’ เองก็จะเสด็จมาต้อนรับพี่ชายด้วยตนเองทำให้บรรยากาศเช้าวันนี้ค่อนข้างคึกคักด้วยว่ามีขุนนางมากมายที่เข้ามาในท้องพระโรง
“องค์ชายใหญ่เสด็จ” ขันทีประกาศลั่นให้รู้ทั้งท้องพระโรง เหล่าขุนนางรีบถวายความเคารพตามธรรมเนียมเมื่อเห็นร่างสูงสง่าขององค์ชายใหญ่เดินเข้ามาในท้องพระโรง แผ่นหลังกำยำของเขาสง่าสมเป็นชายชาตรี ใบหน้าหล่อเหลาดั่งเทพ ฝีมืองการรบก็ไม่เป็นรองแม่ทัพใด สมควรกับตำแหน่งไท่จื่อทุกประการ ทว่า…องค์ชายหวังจั่วกลับไม่ได้รั้งตำแหน่งองค์รัชทายาทของแคว้น เพราะเรื่องราวในอดีตนั้นช่างซับซ้อน
องค์ชายใหญ่ยิ้มบางๆ ให้ขุนนางที่รอต้อนรับเขาอยู่ เขาเดินไปยืนที่เก้าอี้สีท่องอร่ามซึ่งวางอยู่เยื้องกับบัลลังก์หงส์ของฮองเฮา ซึ่งมีศักดิ์เป็นน้องสะใภ้ของเขา แต่ไม่ได้มีความสนิทสนมอะไรกัน เพราะขนาดน้องชายแท้ๆ ของตนยังถูกอำนาจพรากความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างพี่น้องไปได้เลย เขาเห็นสายตาของเหล่าขุนนางหลายคนที่เมียงมองมาทางเขาด้วยความเห็นอกเห็นใจ ไม่ใช่แค่ตำแหน่งที่เสียไปแต่เป็นความรู้สึกบางอย่างในใจด้วย
“ฮ่องเต้และฮองเฮาเสด็จ” ขันทีประจำของเสวี่ยหยางฮ่องเต้ประกาศเสียงดัง ขุนนางและองค์ชายหวังจั่วได้แต่ถวายความเคารพและกล่าวถวายพระพรตามธรรมเนียม
“ขอพระองค์ทรงพระเจริญเป็นหมื่นปี หมื่นปี หมื่นๆ ปีพ่ะย่ะค่ะ”
ร่างสูงโปร่งของเอกบุรุษในอาภรณ์สีทองอร่ามตาบ่งบอกถึงฐานะของเขาที่เป็นถึงโอรสสวรรค์ ฮ่องเต้สั่งให้ทุกคนไม่ต้องมากพิธีเพราะไม่อยากให้เอิกเกริกมากจนเกินไป ส่วนสตรีที่เดินมาเคียงข้างเสวี่ยหยางฮ่องเต้คือไป๋ฮองเฮา หรือคุณหนูรองแห่งตระกูลไป๋ที่ทุกคนรู้ว่าเป็นสตรีที่ดื้อรั้น ไม่ยอมทำตามใจใครง่ายๆ แต่ในวันนี้อาภรณ์สีแดงเพลิงลายหงส์และสายตาเฉียบคมนั้นทำให้พวกเขารู้สึกหนาวสั่นได้อย่างน่าประหลาด ไม่มีเค้าของสตรีจากจวนไป๋อีก เพราะตรงหน้าพวกเขามีแต่ไป๋ฮองเฮาผู้สูงศักดิ์
“ยินดีต้อนรับกลับสู่เมืองหลวงองค์ชายใหญ่” สุรเสียงของฮ่องเต้เต็มไปด้วยความยินดี ใบหน้าหล่อดุจเทพเซียนระบายยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะประทับที่บัลลังก์มังกร เมื่อพินิจแล้วช่างเหมาะสมกับคำว่าโอรสสวรรค์
“ฝ่าบาทและฮองเฮาเสด็จมาต้อนรับด้วยตนเอง นับว่าเป็นเกียรติของกระหม่อมยิ่งนักพ่ะย่ะค่ะ” องค์ชายใหญ่กล่าวเสียงเรียบไม่อาจจะเดาได้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่กันแน่
“หรือที่ลือกันว่าองค์ชายใหญ่กับฝ่าบาททรงผิดใจกันเพราะเรื่องในอดีตจะเป็นจริงเสียแล้ว” ขุนนางคนหนึ่งกระซิบกับสหายของตนหลังจากที่เห็นอากัปกิริยาของทั้งเสวี่ยหยางฮ่องเต้และองค์ชายหวังจั่ว ซึ่งในอดีตทั้งสองพระองค์เป็นพี่น้องที่ดีต่อกันมาตลอด แต่หลังจากเหตุการณ์เมื่อสามปีก่อน ก็ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องต้องจางลง
“เจ้าคิดว่าองค์ชายใหญ่จะยอมยกบัลลังก์มังกรนี้ให้กับฝ่าบาทตลอดไปจริงหรือ”
“พวกท่านคุยอะไรกัน ไม่เล่าให้ข้าฟังด้วยหรือ?” เสียงนุ่มนวลของสตรีผู้ประทับอยู่บนบัลลังก์หงส์ ชวนให้ขุนนางทั้งหลายได้แต่ก้มหน้าเหมือนโดนคมดาบที่เย็นเยียบจ่ออยู่ที่ลำคอ รู้สึกชาวาบไปถึงกระดูก ทั้งสายตาของฮองเฮายังจะเพ่งเล็งมาที่ขุนนางที่กระซิบกระซาบกันเมื่อครู่อีก จึงไม่มีใครกล้าเอ่ยอะไรอีก
“ปล่อยพวกเขาไปเถอะฮองเฮา วันนี้เป็นวันดีพี่ชายของข้ากลับสู่วังหลวง เห็นทีจะต้องจัดงานเลี้ยงฉลองแล้วกระมัง” เทียนเสวี่ยหยางยกมือปรามฮองเฮา ไม่ใช่เพราะเขายอมอ่อนข้อให้พวกขุนนาง แต่เป็นเพราะเขากำลังหวนถึงอดีตเมื่อสามปีก่อนอยู่ต่างหาก
ยิ่งหันมาสบสายตากับองค์ชายหวังจั่วผู้เป็นพี่ชายภาพที่โหดร้ายในวันวานก็หลั่งไหลเข้ามาอย่างห้ามมิได้
———-
มาเป็นน้ำจิ้มค่าา ฝากทุกคนเอ็นดูฮ่องเต้กับน้องฮองเฮาด้วยนะคะ :) หากมีข้อแนะนำเพิ่มเติมสามารถแนะนำได้เสมอเลยนะคะ พร้อมรับฟังฟีดแบคและนำกลับมาปรับปรุงแก้ไขเสมอค่าา ฝากนามปากกา 潘拿起 ด้วยนะคะทุกคน