ในชาติก่อน ข้าคือชายาที่เขาไม่เคยเห็นค่า คือภรรยาที่เขาผลักไส คือสตรีที่ตายใต้คมดาบของคนที่ข้ารักหมดใจ ในชาตินี้ ข้าจะไม่เป็นเพียงหุ่นเชิดของโชคชะตาอีก ข้าจะลุกขึ้น…เปลี่ยนบทของตนเอง และให้เขาได้รู้ว่า “สิ่งใดที่เคยทอดทิ้ง…ย่อมไม่มีวันได้คืน”
รัก,ดราม่า,แฟนตาซี,ชาย-หญิง,เกิดใหม่,โรแมนติก,โรแมนติกแฟนตาซี,สืบสวนสอบสวน,ผจญภัย,ดราม่า,แฟนตาซี,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
เกิดใหม่อีกครา…ข้าจะเป็นคนลิขิตชะตาเองในชาติก่อน ข้าคือชายาที่เขาไม่เคยเห็นค่า คือภรรยาที่เขาผลักไส คือสตรีที่ตายใต้คมดาบของคนที่ข้ารักหมดใจ ในชาตินี้ ข้าจะไม่เป็นเพียงหุ่นเชิดของโชคชะตาอีก ข้าจะลุกขึ้น…เปลี่ยนบทของตนเอง และให้เขาได้รู้ว่า “สิ่งใดที่เคยทอดทิ้ง…ย่อมไม่มีวันได้คืน”
ในชาติก่อน
แคว้นฉีในยามปลายฤดูใบไม้ผลิ ดอกเหมยผลิบานสะพรั่งไปทั่วอารามหลวง กลิ่นหอมบาง ๆ ของดอกไม้ลอยล่องมาตามลมอบอวลทั่วลานหินสีขาว แสงแดดทอดผ่านม่านโปร่งสีแดงสดของเรือนหอ ดุจหยาดแสงจากสวรรค์ลงมาแต่งแต้มโลกมนุษย์ให้สวยงาม
ซูเหยียน ยืนเงียบอยู่หน้ากระจกสัมฤทธิ์ ใบหน้าของนางในกระจกช่างงดงามประหนึ่งนางฟ้าจากสรวงสวรรค์ ผิวขาวราวหิมะ ปากแดงราวกลีบกุหลาบ ตากลมโตวาวระยับราวดาวในยามราตรี
วันนี้...คือวันอภิเษกสมรสของนาง
วันนี้...คือวันที่นางเฝ้ารอมาทั้งชีวิต
มือบางกำผ้าคลุมหน้าเบา ๆ ใจเต้นระรัวไม่เป็นจังหวะ แม้ใบหน้าจะแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางชั้นดี แต่ดวงตาของนางกลับสั่นไหวแผ่วเบา
ในหัวของซูเหยียน มีเพียงภาพในอดีตที่วนเวียนไม่จางหาย
“อย่าร้องนะ...ข้าจะปกป้องเจ้าเอง”
เสียงเด็กชายคนหนึ่งเอ่ยขึ้นเบา ๆ
“ข้า...ชื่อหลี่เจิ้น โตขึ้น...ข้าจะแต่งกับเจ้า!”
วันนั้น...ซูเหยียนที่ยังเป็นเด็กหญิงตัวน้อยถูกกลุ่มเด็กชายแกล้งจนร้องไห้ แต่เด็กชายในชุดนักเรียนทหารกลับก้าวเข้ามา เป็นโล่ให้กับนาง ปัดเป่าความหวาดกลัวทั้งหมดไปในชั่วพริบตาเดียว
เพียงคำสัญญานั้น คำสัญญาเดียว...นางเก็บมันไว้ในใจนับแต่นั้น
“เจ้าบ่าวมาแล้ว! เจ้าบ่าวมาแล้ว!”
เสียงขันหมากโหมโรงหน้าประตูดังขึ้น แต่น่าแปลก...เสียงนั้นเงียบหายไปอย่างรวดเร็ว ราวกับสายลมแผ่วที่ผ่านเข้ามาเพียงชั่วครู่
ทุกสายตาหันไปยังชายผู้หนึ่งในชุดสีดำสนิท ต่างตกตะลึงเมื่อเห็นว่า แม่ทัพหลี่เจิ้น มิได้สวมชุดเจ้าบ่าวเช่นธรรมเนียม
เขาเดินเข้าสู่ลานพิธีอย่างสงบเยือกเย็น เย็นเสียยิ่งกว่าสายน้ำแข็งจากเขาเทียนซาน
“เหตุใดแม่ทัพจึงมิแต่งกายให้เหมาะสมกับงานพิธี!”
เสียงของเสนาบดีซูหลงอวี่ผู้เป็นบิดาของเจ้าสาวเริ่มขุ่นเคือง
“เช่นนี้ย่อมไม่ให้เกียรติบุตรีข้า!”
บิดาของแม่ทัพหลี่เจิ้นเองก้าวเข้ามา หวังจะกล่าวเตือนบุตรชายให้ทำตามธรรมเนียม แต่ชายหนุ่มกลับกล่าวเพียงถ้อยคำหนึ่ง...
“หากแม่นางซูเหยียนไม่พอใจเพียงเพราะข้ามิได้ใส่ชุดเจ้าบ่าว...ก็มิต้องแต่ง ข้าไม่บังคับ”
คำพูดเรียบเย็นนั้นดุจคมดาบกรีดกลางหัวใจซูเหยียน แต่นางกลับยิ้มบาง ๆ พลางพยักหน้า “ข้าเต็มใจ...
"เพียงเท่านั้น นางก็ยอมก้าวเข้าสู่พิธีอภิเษกสมรส ทั้งที่รู้ดีว่าหัวใจของเขา...ไม่เคยมีตนเลยแม้แต่น้อย
ค่ำวันนั้น...
ห้องหอถูกประดับด้วยโคมแดงชาดงดงาม ฝั่งหนึ่งคือเจ้าสาวผู้มีดวงหน้าหวานแต่เปื้อนความหม่นเศร้า อีกฝั่งหนึ่งคือชายหนุ่มผู้ดื่มสุราจนเมาไม่ได้สติ
“หลี่เจิ้น...ท่าน...” นางเอื้อนเอ่ยเบา ๆ
ไม่มีคำตอบ มีเพียงเสียงวางจอกเหล้า แล้วเงียบงัน
คืนนั้น...สำหรับซูเหยียน ไม่ใช่ค่ำคืนแห่งรัก หากคือ ฝันร้าย ที่เปลี่ยนชีวิตนางไปชั่วนิรันดร์
รุ่งเช้า แสงแดดอ่อน ๆ ลอดผ่านหน้าต่างกระดาษ เจ้าสาวนั่งนิ่งเงียบอยู่ริมเตียง ขณะที่สามีของนางเอ่ยถ้อยคำที่น่าฟังที่สุดในโลก...หากแต่มิใช่ให้แก่ตน
“...หลัวหรง...เจ้างดงามดุจจันทรา ข้าคิดถึงเจ้ายิ่งนัก...”
น้ำตา ที่พยายามกลั้นไว้ตั้งแต่เมื่อวาน...สุดท้ายก็ไหลรินอาบแก้มซูเหยียน
“ที่แท้...ท่านมิได้รักข้าเลย หากเช่นนั้น เหตุใดจึงยอมแต่งกับข้า”
แม่ทัพหลี่เจิ้นปรายตามามองนางอย่างเย็นชา
“เจ้ารักข้านิ อย่างน้อยข้าก็ทำตามสัญญาแล้ว เจ้าเป็นชายาของข้า มันก็ดีแล้วมิใช่หรือ...สมใจเจ้าแล้วมิใช่หรือ...”
เสียงในใจของซูเหยียนเงียบงัน
คำสัญญาในวัยเยาว์...กลายเป็นเพียงเถ้าถ่าน
และงานแต่งงานที่นางเฝ้ารอ...กลายเป็นประตูสู่ห้องขังของหัวใจ