นิยายเล่มนี้จะพาคุณดำดิ่งลงไปในห้วงแห่งความกลัวนานาชนิด เปิดโปงเบื้องลึกเบื้องหลังของแต่ละความรู้สึก และสำรวจว่าทำไมบางสิ่งถึงทำให้เราต้องหนาวสั่นไปถึงขั้วหัวใจ

ความกลัวของมนุษย์ - 1 ความกลัวในที่มืด โดย ฟ้าดินนำทาง @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ดราม่า,ระทึกขวัญ,ลึกลับ,ดราม่า,สยองขวัญ,พล็อตสร้างกระแส,แฟนตาซี,ผจญภัย,สืบสวนสอบสวน,ผี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ความกลัวของมนุษย์

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ดราม่า,ระทึกขวัญ,ลึกลับ

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ดราม่า,สยองขวัญ,พล็อตสร้างกระแส,แฟนตาซี,ผจญภัย,สืบสวนสอบสวน,ผี

รายละเอียด

ความกลัวของมนุษย์ โดย ฟ้าดินนำทาง @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

นิยายเล่มนี้จะพาคุณดำดิ่งลงไปในห้วงแห่งความกลัวนานาชนิด เปิดโปงเบื้องลึกเบื้องหลังของแต่ละความรู้สึก และสำรวจว่าทำไมบางสิ่งถึงทำให้เราต้องหนาวสั่นไปถึงขั้วหัวใจ

ผู้แต่ง

ฟ้าดินนำทาง

เรื่องย่อ

ในโลกที่เต็มไปด้วยแสงสว่างและความหวัง ยังมีอีกด้านหนึ่งที่มนุษย์ทุกคนต้องเผชิญ นั่นคือ ความกลัว ไม่ว่าจะเป็นความกลัวที่จับต้องได้ หรือความกลัวที่ซ่อนลึกอยู่ในจิตใต้สำนึก ความกลัวเหล่านี้ล้วนเป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์มนุษย์ และเป็นสิ่งที่หล่อหลอมเราให้เป็นเราในวันนี้

นิยายเล่มนี้จะพาคุณดำดิ่งลงไปในห้วงแห่งความกลัวนานาชนิด เปิดโปงเบื้องลึกเบื้องหลังของแต่ละความรู้สึก และสำรวจว่าทำไมบางสิ่งถึงทำให้เราต้องหนาวสั่นไปถึงขั้วหัวใจ

สารบัญ

ความกลัวของมนุษย์-1 ความกลัวในที่มืด,ความกลัวของมนุษย์-2 กลัวการไร้ตัวตน

เนื้อหา

1 ความกลัวในที่มืด

ทุกคนเป็นเหมือนผมหรือป่าว ผมเป็นคนที่มีจิตนาการสูง และยิ่งอยู่ในที่มืดผมยิ่งชอบจินตนาการบางสิ่งบางอย่างที่หน้ากลัวขึ้นมา 

ย้อนกลับไปในวัยเด็ก ผมเป็นคนหนึ่งที่กลัวความมืดมากๆ ถึงขนาดที่ต้องเปิดไฟนอนอยู่เสมอ ก็เพราะไม่อยากให้จินตนาการถึงสิ่งน่ากลัวเหล่านั้นผุดขึ้นมาในหัวเลย

ในวันหนึ่ง ขณะที่ผมนอนอยู่บนบ้านชั้น 2 ผมก็เปิดไฟนอนตามปกติเหมือนที่เคยทำทุกคืน ตอนนั้นเวลาประมาณสี่ทุ่ม ผมเคลิ้มหลับไปได้ไม่นานก็ต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมา โดยที่ไม่รู้เลยว่าตอนนั้นเป็นเวลาเท่าไหร่แล้ว

สิ่งสำคัญที่ผมลืมเล่าไปคือ บ้านของผมตั้งอยู่ท้ายหมู่บ้าน และด้านหลังบ้านเป็นป่าทึบ ตอนเช้าป่าก็ดูปกติทั่วไป แต่พอตกกลางคืน เมื่อไหร่ที่ผมมองออกไปทางนั้น ผมจะรู้สึกขนลุกตลอดเลย ตัวผมไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม

กลับมาตอนที่ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึก ผมมองไปรอบๆ ห้อง ไฟยังคงสว่างตามปกติ ผมถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ผมกำลังจะล้มตัวลงนอนต่อ แต่แล้วความคิดหนึ่งก็แล่นเข้ามาในหัว

ความคิดที่แล่นเข้ามาในหัวผมตอนนั้นคือ 

"ถ้าเราเดินเข้าไปในป่านั้นแล้วเราสามารถทนอยู่ที่นั่นได้ เราก็จะหายกลัวความมืดแล้ว"

ตอนนั้นผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงมีความคิดบ้าๆ แบบนั้นขึ้นมาได้

ในเวลานั้นผมไม่ได้คิดอะไรมาก ผมลุกขึ้นจากเตียง หยิบขวดน้ำขึ้นมาดื่มก่อนจะปิดฝาให้สนิท จากนั้นก็เดินไปเปิดประตูอย่างเบามือ กลัวว่าพ่อแม่จะตื่น ผมค่อยๆ ย่องลงจากชั้นสอง ตรงไปที่ประตูหลังบ้าน

ผมใส่รองเท้า เปิดประตูออกไปสัมผัสกับลมที่พัดผ่านหน้า ความเย็นยะเยือกแล่นไปทั่วร่าง ผมค่อยๆ ก้าวออกจากตัวบ้าน แสงไฟจากบ้านเริ่มสลัวลงเรื่อยๆ จนความสว่างค่อยๆ จางหายไป ในที่สุด แต่แสงสว่างจากแสงจันทร์ก็พอจะช่วยให้ผมมองเห็นได้บ้าง ผมเดินมาได้สักพักก่อนจะหยุดยืนนิ่ง ในที่สุด ผมก็เดินเข้ามาในป่านั้นจนได้

ผมค่อยๆ หลับตาลงอย่างช้าๆ ด้วยความกังวลที่เกาะกุมหัวใจ ทันทีที่เปลือกตาปิดสนิท โลกทั้งใบก็พลันมืดมิดลง พร้อมกับเสียงสารพัดที่ดังระงมขึ้นรอบกาย เสียงลมหวีดหวิวพัดผ่านยอดไม้ดัง วูบวาบ เสียงแมลงกลางคืนร้อง จี๊ดๆๆ แข่งกัน เสียงกิ่งไม้แห้งหล่นกระทบพื้นดัง เป๊าะแป๊ะ และเสียงอะไรต่อมิอะไรอีกมากมายที่ผมไม่อาจระบุได้

ในตอนนั้นเอง ความคิดหลากหลายก็ถาโถมเข้ามาในหัว ทั้งภาพผีสารพัดชนิดที่เคยดูจากหนังหรือเรื่องเล่าสยองขวัญ และสัตว์ประหลาดน่ากลัวที่จินตนาการขึ้นมาเอง สิ่งเหล่านี้ทำให้ขนแขนและเส้นผมของผมลุกชันไปทั่วทั้งร่าง ความกลัวพุ่งทะลุจนถึงขีดสุด หัวใจของผมเต้นรัวโครมครามราวกับเสียงกลองที่กำลังถูกบรรเลงอย่างบ้าคลั่งในความมืดมิดนั้น

ในตอนนั้น ผมอยากจะวิ่งกลับบ้านทันที แต่แล้วความคิดที่ว่า 

"ถ้าเราทนอยู่ที่นี่ได้ เราก็จะไม่กลัวความมืดอีกต่อไป" ก็แล่นเข้ามาในหัว 

ผมตัดสินใจว่าจะอยู่ตรงนี้สักพัก ผมตั้งสติ พยายามหายใจช้าๆ และไล่ความคิดน่ากลัวเหล่านั้นออกไป

เสียงต่างๆ รอบตัวก็ยังคงดังปกติ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากตอนที่ผมเดินเข้ามาในป่า ทั้งเสียงลมที่ยังคงพัดหวีดหวิว และเสียงแมลงที่ยังคงร้องระงมเหมือนเดิม

ผมอดทนยืนอยู่ตรงนั้น ไม่รู้ว่านานแค่ไหน เวลาผ่านไปเรื่อยๆ แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นอย่างที่จินตนาการไว้เลย 

"ก็ไม่เห็นมีอะไรเลยนี่นา" ผมคิดในใจ 

ผมกำลังจะลืมตาแล้วเดินกลับไปนอนอยู่แล้วเชียว แต่ความกลัวก็แล่นเข้ามาอีกครั้ง คุณเคยลองหลับตาลง แล้วจินตนาการไหมว่าเมื่อลืมตาขึ้นมาแล้ว จะมีอะไรบางอย่างปรากฏอยู่ตรงหน้าคุณ

ในตอนนั้น ผมก็คิดเหมือนพวกคุณทุกคนนั่นแหละ ว่าถ้าผมลืมตาขึ้นมาแล้วจะเจออะไรอยู่ตรงหน้า ผมไม่รู้เลยว่าจะทำยังไงดี อยากจะกลับบ้านก็อยาก แต่ใจกลับไม่กล้าพอที่จะลืมตาขึ้นมา ผมตีกับความคิดตัวเองอย่างต่อเนื่อง และคำตอบสุดท้ายที่ผมได้คือ "จะเจออะไรก็ต้องเจอ" ผมตัดสินใจที่จะลืมตาขึ้นมา

ผมค่อยๆ เปิดตาขึ้นอย่างช้าๆ ความมืดก็ยังคงเป็นความมืดเหมือนเดิม ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนไปจากตอนที่ผมเดินเข้ามา ผมถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ผมตัดสินใจจะกลับบ้านไปนอน เพราะความกลัวของผมได้จางหายไปแล้ว ผมค่อยๆ หันหลังกลับและเดินตรงไปยังบ้าน 

ผมมองเห็นแสงไฟจางๆ จากบ้านอยู่ไม่ไกล จึงเดินตรงไปยังแสงนั้นอย่างช้าๆ ในใจพลางคิดว่า "ในความมืดก็ไม่เห็นจะมีอะไรเลยนี่นา" ผมเดินมาไม่นานนักก็ถึงบ้าน กำลังจะก้าวเข้าไปข้างใน ก็มีเสียงบางอย่างดังแว่วเข้ามาในหู มันเหมือนเสียงหัวเราะเบาๆ และคล้ายเสียงลม ผมไม่ได้สนใจมันมากนัก ผมรีบเดินเข้าบ้านไป แล้วหันหลังปิดประตูลงอย่างช้าๆ

ผมมองลอดช่องว่างเล็กๆ ระหว่างซอกประตูไปยังป่าด้านนอก ผมเหมือนจะเห็นใบหน้าจางๆ ใบหนึ่งในความมืดนั้น มันกำลังยิ้มให้ผม แต่มันเลือนรางมากจนกลมกลืนไปกับความมิด ถ้าไม่สังเกตดีๆ ก็คงไม่เห็น ตอนนั้นผมไม่ได้คิดอะไรอีกแล้ว แค่คิดว่ามันเป็นเพียงภาพลวงตา เท่านั้น

ผมปิดประตูแล้วเดินขึ้นไปชั้น 2 ที่ห้องผม ผมเดินเข้าไปที่นอน ก่อนผมจะนอนลงผมกลับทำสิ่งที่ไม่ค่อยทำมาก่อนคือการปิดไฟนอน ผมได้กดไปที่สวิตซ์ปิดไฟ ความมืดก็ปกคมทั้งห้องของผม ผมค่อยนอนลงบนเตียงก่อนที่ผมจะหลับตาลงสนิท

สายตาของผมยังคงจับจ้องไปยังความมืดเบื้องหน้า ในความมืดนั้นข้างตู้ ผมเห็นใบหน้าเดิมอีกครั้ง เลือนรางจางหายไปราวกับเป็นเพียงเงาในความมืด ผมไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่านั้น ผมค่อยๆ หลับตาลงอย่างช้าๆ ปล่อยให้ตัวเองจมดิ่งสู่ห้วงนิทรา

พอรุ่งเช้า ผมลืมตาขึ้น กวาดสายตามองไปรอบๆ ห้อง ก็ไม่เห็นอะไรเลย ผมคิดในใจว่า

 "ในความมืดก็ไม่มีอะไรเหมือนที่เราจินตนาการเลยนี่นา" 

ผมลุกขึ้นใช้ชีวิตตามปกติเหมือนที่เคยทำมาตลอด แต่กลับมีบางสิ่งบางอย่างเปลี่ยนไป นั่นคือ ผมสามารถนอนหลับได้แล้ว แม้จะไม่ต้องเปิดไฟอีกเลยก็ตาม


"ความมืดมิดที่แท้จริง ไม่ได้อยู่ที่รอบกาย แต่อยู่ที่เงาของความกลัวในใจเราเอง และเมื่อเรากล้าเผชิญหน้า แสงสว่างที่แท้จริงจะปรากฏขึ้น"