ทุกครั้งที่ผมหันไป... ดวงตาคู่นั้นก็ยังอยู่ตรงนั้น มองผมเหมือนจะกลืนกิน

โคมไฟในคืนผีเสื้อเฝ้ามอง - ตอนที่ 1 ทำดีได้ชั่ว โดย Wind chimes @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,ลึกลับ,รั้วโรงเรียน,ไทย,ยุคปัจจุบัน,ตลกนิ่ดหน่อย,เด็กช่าง,วงโย,NC+,NC,พล็อตสร้างกระแส,boylove ,boylove/yaoi,boylove,พระเอกคลั่งรัก,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

โคมไฟในคืนผีเสื้อเฝ้ามอง

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,ลึกลับ,รั้วโรงเรียน,ไทย,ยุคปัจจุบัน

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ตลกนิ่ดหน่อย,เด็กช่าง,วงโย,NC+,NC,พล็อตสร้างกระแส,boylove ,boylove/yaoi,boylove,พระเอกคลั่งรัก

รายละเอียด

โคมไฟในคืนผีเสื้อเฝ้ามอง โดย Wind chimes @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ทุกครั้งที่ผมหันไป... ดวงตาคู่นั้นก็ยังอยู่ตรงนั้น มองผมเหมือนจะกลืนกิน

ผู้แต่ง

Wind chimes

เรื่องย่อ

เกศริน...เด็กหนุ่มจากห้อง ม.4/1 ผู้เป็นเหมือน โคมไฟ ในค่ำคืนอันมืดมนของโรงเรียน เขามีหัวใจใสซื่อ ซุ่มซ่าม และชอบช่วยคนแปลกหน้า


จนวันหนึ่งได้เจอกับ นิติภูมิ — รุ่นพี่ลึกลับที่นอนหมดสติข้างถนน

ไม่มีใครรู้ว่าพี่เขาคือใคร แต่ทุกครั้งที่เขาปรากฏตัว...จะมีกลิ่นธูปลอยฟุ้ง

และเสียงหอนที่ไม่มีใครได้ยิน สายตาของเขา...ว่างเปล่าแต่คมเฉือน ราวกับ ผีเสื้อ ที่ไม่บินหนี แต่เฝ้ามองเหยื่ออยู่เงียบ ๆ



เมื่อโคมไฟสว่างขึ้น ผีเสื้อก็เริ่มวนรอบและความลับของโรงเรียนก็เริ่มถูกเปิดเผยแต่คำถามคือ...เกศรินจะยังเป็นแสงให้ผีเสื้อดวงนั้นได้อยู่ไหม...

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

....หรือสุดท้าย เขาจะกลายเป็นสิ่งที่ถูกจ้อง...ตลอดกาล

สารบัญ

โคมไฟในคืนผีเสื้อเฝ้ามอง-ตอนที่ 1 ทำดีได้ชั่ว

เนื้อหา

ตอนที่ 1 ทำดีได้ชั่ว

คืนวันศุกร์ แสงจันทร์ซีดส่องผ่านม่านเมฆบาง เสียงจิ้งหรีดระงมทั่วตรอกแคบด้านหลังโรงเรียน


เกศริน นักเรียน ม.4/1 เด็กวงโยขี้ซุ่มซ่ามประจำห้อง หิ้วกล่องเครื่องดนตรีกลับบ้านด้วยสีหน้าเหนื่อยล้า


เขาบ่นพึมพำกับตัวเองขณะเดินผ่านเสาไฟที่กระพริบแสงเป็นจังหวะชวนขนลุก



 “เฮ้อ... ไม่น่าซ้อมดึกเลย ตอนนี้กี่โมงแล้วเนี่ย”



เขากดเปิดโทรศัพท์ — 19:42 น.


ค่อนข้างดึกมากสำหรับเด็กมัธยมปลาย


และที่น่าประหลาดใจยิ่งกว่า คือภาพตรงหน้าที่ข้างถังขยะ ร่างชายคนหนึ่งนอนจมกองเลือด เสียงครางแผ่วเบาดังลอดออกมาท่ามกลางความเงียบ


 “ฮึก...”


เกศรินผงะขาสั่น ไหล่กระตุกแต่ไม่ใช่เพราะความกลัว... กลับเป็นสัญชาตญาณบางอย่างที่ผลักให้เขาเดินเข้าไปใกล้


“คุณครับ... เป็นอะไรรึเปล่า? ให้ผมโทรเรียกรถพยาบาลไหม?”



น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความห่วงใย — ก่อนที่มือเปื้อนเลือดจะคว้าข้อเท้าเขาไว้แน่น


ชายแปลกหน้าขยับศีรษะขึ้นช้า ๆ เปลือกตาเปิดออกเผยดวงตาที่ว่างเปล่าไร้แวว แต่แฝงไว้ด้วยความฝังใจน่าขนลุก



 “...หนูเหรอ... ยัยหนูของพี่ใช่ไหม...”



เกศรินเบิกตากว้าง



“ผมไม่ใช่! ผมไม่รู้จักคุณ!”


แต่แทนที่อีกฝ่ายจะถอยกลับ เขากลับโน้มตัวเข้ามา ยิ้มช้า ๆ จนเลือดที่เปื้อนแก้มไหลซึมตามรอยยิ้ม




นิ้วหัวแม่มือลูบแก้มเขาเบา ๆ อย่างอ่อนโยน... แต่นัยน์ตานั้นเต็มไปด้วย ความหม่นลึกและความบิดเบี้ยวในรัก



 “แหม... อย่าล้อเล่นกับพี่สิคะ ยัยหนู... พี่รอหนูมาตลอดเลยนะ”



ทันใดนั้นร่างเปื้อนเลือดก็ทรุดลงในอ้อมแขนของเขา ราวกับหมดแรง



เกศรินจำต้องกัดฟัน พาชายแปลกหน้ากลับไปยังบ้านของตัวเองเสียงหมาหอนดังระงมตลอดทางจนเขาอดพึมพำออกมาไม่ได้



 “แปลกจัง... ฉันเดินผ่านทางนี้ประจำ ไม่เคยได้ยินเสียงหมาหอนเลย... ทำไมคืนนี้ถึงได้หอนนักนะ…”



เขาแบกชายปริศนาเข้าบ้าน พาไปนอนที่เตียง และจัดแจงปฐมพยาบาล


ก่อนจะชะงักเมื่อพบว่า...


“ไม่มีแผล... ถ้าเลือดทั้งหมดนี่ไม่ใช่ของเขา... แล้วมันเป็นของใคร?”



ในห้องนอนที่เงียบสนิท เสียงพัดลมหมุนช้าดังอืดอาดแต่เสียงหัวใจของเกศรินกลับดังลั่นในอกขณะเขาค่อย ๆ ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตเปื้อนเลือดออกทีละเม็ด... ทีละเม็ดเนื้อผ้าถูกแหวกออก เผยให้เห็นกล้ามเนื้อแน่นตึงกลิ่นเหงื่ออุ่นจัดปะทะปลายจมูก เขาบอกตัวเองว่า...



 “แค่จะเช็ดตัว... แค่นั้น...”



มือเรียวหยิบผ้าชุบน้ำ วางลงบนแผ่นอกตรงหน้าแต่ยังไม่ทันได้เช็ดให้เรียบร้อย — 



มือของชายแปลกหน้าก็คว้าข้อมือเขาไว้แน่น ราวกับตื่นจากฝัน เสียงกระซิบแหบต่ำคลอเคลียริมใบหู


 “แหม... ยัยหนูเนี่ย... หื่นจังเลยนะครับ”



เกศรินสะดุ้งเฮือก ร่างสูงกว่าโน้มลง ริมฝีปากแทบจะสัมผัสลำคอขาว



“มะ... ไม่ได้หื่นสักหน่อย!”


เขาดิ้น ร้อง ประท้วง แต่ชายแปลกหน้ายังจับจ้องเขาอย่างลุ่มลึกหัวเราะเบา ๆ พลางไล้นิ้วที่ริมฝีปากล่างของเขา


 “แต่พี่ว่าหนูเช็ดลึกเกินความจำเป็นแล้วนะ...”






ติดตามตอนต่อไป