‘อากิระ อาซาฮิ’ ชายหนุ่มสายเลือดผู้พิทักษ์เกิดมาเป็นเพียง ‘ฮานะ’ จงถูกมองเป็นเพียงคนชั้นต่ำ แต่โชคชะตาก็ยังเลือกจะพิสูจน์หัวใจที่เข้มแข็งของเขาทำให้ได้เจอกับ ‘เท็ตสึยะ คุโระซาวะ’
ชาย-ชาย,ดราม่า,รัก,แฟนตาซี,ญี่ปุ่น,พลังวิเศษ,Omegaverse ,รักดราม่า,แฟนตาซี,ดราม่า,mpreg,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ひとふりのけんとたいようのはな [หนึ่งดาบเคียงคู่บุปผาแห่งแสงตะวัน]‘อากิระ อาซาฮิ’ ชายหนุ่มสายเลือดผู้พิทักษ์เกิดมาเป็นเพียง ‘ฮานะ’ จงถูกมองเป็นเพียงคนชั้นต่ำ แต่โชคชะตาก็ยังเลือกจะพิสูจน์หัวใจที่เข้มแข็งของเขาทำให้ได้เจอกับ ‘เท็ตสึยะ คุโระซาวะ’
ひとふりのけんとたいようのはな
{Hitofuri no Ken to Taiyō no Hana}
หนึ่งดาบเคียงคู่บุปผาแห่งแสงตะวัน
‘อากิระ อาซาฮิ’ ชายหนุ่มสายเลือดผู้วิเศษของอาซาฮิกลับที่เกิดมาเป็นเพียง ‘ฮานะ’ เจ้าของปานดอกซากุระสีแดง และไม่มีแม้แต่พลังวิเศษอะไร จึงถูกมองเป็นเพียงคนชั้นต่ำที่ต้องคอยเป็นกระโถนรองรับความเจ็บปวด แต่โชคชะตาก็ยังเลือกจะพิสูจน์หัวใจที่เข้มแข็งของเขาทำให้ได้เจอกับ ‘เท็ตสึยะ คุโระซาวะ’คุณชายใหญ่สายเลือดคุโระซาวะ ที่เย็นชาราวเทือกเขาน้ำแข็ง ชายหนุ่มที่เกิดมามีรูปลักษณ์ที่คนให้สมญานามว่า 'นัยน์ตาปีศาจ' ทั้งสองคนจำเป็นต้องมาเป็นคู่หมั้นกันโดยไม่ได้ตั้งใจและไม่ได้สนเรื่องของหัวใจ
"เจ้าไม่กลัวตายหรอกหรือ?"
"ไม่มีใครในโลกนี้ไม่กลัวตาย...แต่ถ้าหากนายท่านปรารถนาจะให้ตัวข้าได้ตายวันนี้ ตอนนี้ ตรงนี้ ข้าก็ยอม"
อากิระพอจะเป็นแสงสว่างในรุ่งอรุณที่จะสามารถละลายหัวใจที่เย็นชานี้ได้หรือไม่...และความลับบางอย่างที่ไม่เคยเปิดเผยจะนำมาสู่หายนะหรือไม่
Content warning
Major Character death-ตัวละครหลักตาย/Mpreg-ผู้ชายสามารถตั้งท้องได้/Miscarriage-การแท้งบุตร/Physical Abuse-การทำร้ายร่างกาย/ Mental Abuse-การทำร้ายจิตใจ/ Blood-เลือด/ Bullying-การกลั่นแกล้งจากคนที่มีบางอย่างเหนือกว่า/ Body Shaming-การเหยียด ล้อเลียนหรือทำให้บุคคลนั้นอับอายเพราะเรื่องหน้าตา/ Classism-เหยียดชนชั้น/ Coercion-การใช้ความสัมพันธ์หรืออำนาจที่เหนือกว่าบังคับหรือโน้มน้าวให้อีกฝ่ายต้องยอมทำในสิ่งที่ไม่อยากทำ/ Childbirth-การคลอดบุตร/ Corpse-ศพ/ Demon-ปีศาจ/Forced to be engaged-ถูกบังคับให้หมั้นหมาย / Hallucination-อาการประสาทหลอน/ Imprison-กักขังหน่วงเหนี่ยว/ Misogyny-การมีอคติต่อผู้หญิง/ PTSD Post-traumatic Stress Disorder-สภาวะทางจิตใจหลังเผชิญเหตุการณ์ที่กระทบกระเทือนร่างกาย จิตใจอย่างรุนแรง ทำให้รู้สึกเหมือนตกอยู่ในเหตุการณ์นั้นซ้ำ ๆ/ Pregnancy-การตั้งครรภ์/ Sexual Harrassment-การล่วงละเมิดทางเพศ/ Tortue-การทารุณ/ Violence-การใช้ความรุนแรง/
******ฉากบางตอนค่อนข้างจะ18+เซนซิทีฟพอสมควร หากนักอ่านทุกท่านไม่สามารถจะรับมือได้ สามารถปิดได้นะค้าบบเขาเป็นห่วง*******
....................................................................................................................................................................
เรื่องนี้ไม่ได้อิงประวัติศาสตร์แต่อย่างใด เกิดจากความมโนในหัวที่ผุดอย่างกับดอกเห็ด พระเอกของเราธงเขียวแบบป่าอเมซอน แต่เป็นคนมีปมในอดีตไม่รู้จักว่าความรักมันเป็นยังไงและไม่เชื่อเรื่องความรักเลยยย อาจจะปากร้ายใส่นายเอกบ้างแต่อย่าพึ่งสาปส่งน้าาาฝากติดตามด้วยน้าอะไรยังไงน้า
ณ แคว้นเท็นโชมีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานสายเลือดของผู้มีพลังวิเศษสืบทอดตั้งแต่รุ่นสู่รุ่น ของห้าสกุลสายเลือดผู้พิทักษ์ที่คอยปกป้องเป็นเสาหลักสำคัญอย่าง คุโระซาวะ อาซาฮิ ยามาโมโตะ สึกิคาเงะ และอะคุมะ คอยปกป้องเมืองจากปีศาจร้ายที่จะพยายามมาทำร้ายเหล่าคนในแคว้น ส่วนใหญ่แล้วการแต่งงานระหว่างสกุลใหญ่มันล้วนเป็นทางการเมืองเพื่อจะได้ทายาทที่มีพลังวิเศษที่เข้มข้น ไม่ได้เกิดจากความรักหรือความเสน่หา มีแค่คำว่า"คู่ควร"เท่านั้นในโลกนี้แบ่งชนชั้นตามเพศรองเป็นสามชนชั้นคือ
-ซังงะคุ เป็นเพศรองที่ถือว่าเจอได้ในเหล่าชนชั้นสูงไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายหรือขุนนางเป็นส่วนใหญ่เพราะคนที่เป็นซังงะคุจะแต่งงานกับซังงะคุด้วยกันเองเท่านั้น เป็นห่วงโซ่อาหารที่อยู่สูงสุดเป็นที่ยำเกรงของคนอื่นๆ มีพลังที่แข็งแกร่งกว่าชนชั้นอื่นๆ มีกลิ่นเฉพาะตัวและสามารถทำให้เพศรองอย่าง “ฮานะ”ตั้งครรภ์ได้สามารถรับรู้ได้ถึงกลิ่นของเพศรองที่เป็นฮานะ ซึ่งห้าสกุลนั้นล้วนเป็นซังงะคุกันหมด
-คาวะ เป็นเพศรองที่เจอค่อนข้างมากเจอได้ในคนสามัญชนทั่วไป ภายนอกและภายในก็เหมือนคนปกติทั่วไป ไม่ได้มีกลิ่นเฉพาะตัวแต่สามารถรับรู้ได้ถึงกลิ่นของเพศรองที่เป็นฮานะได้
-ฮานะ เป็นเพศรองที่ค่อนข้างหายากพอสมควรจะรู้ได้เลยตั้งแต่คลอดออกมาจะมีปานดอกไม้ที่สะบักที่แตกต่างกันออกไปและมีกลิ่นกายเฉพาะตามชนิดของดอกไม้ เติบโตมามีใบหน้างดงามแต่ถือว่าเป็นชนชั้นต่ำ มองเป็นเพียงเครื่องมือผลิตทายาทก็เท่านั้นส่วนใหญ่คนที่มีเพศรองเป็น “ฮานะ” นั้นจะถูกเอาไปเป็นทาสรับใช้ หรือนำไปขายในโรงคณิกา ในทุกๆ2เดือน อาการร้อนเนื้อร้อนตัวหรือ “โฮเทริ”เป็นอาการที่ฮานะมีความต้องการมากเป็นพิเศษ ร่างกายส่งกลิ่นหอมเฉพาะตัวออกมามากเพื่อดึงดูดซังงะคุ หรือคาวะ อาการตัวร้อนเหมือนเป็นไข้ อ่อนเพลีย ปวดตัว และมีสารคัดหลั่งออกจากช่วงล่าง เป็นวันที่ “ฮานะ”สามารถตั้งครรภ์ได้ง่าย หากไม่ได้มีความสัมพันธ์ทางกายเกิดขึ้นก็จะทรมานบางคนเป็นวันหรือเป็นอาทิตย์เลยต้องมียาให้กินทุก2เดือน
ณ คฤหาสน์ตระกูลอาซาฮิ ในยามค่ำคืนดวงจันทร์เต็มดวงส่องสว่างบนท้องนภาที่มืดมิดไร้แสงดาว ควรจะเป็นเวลาที่ควรพักผ่อนแต่ในคฤหาสน์นั้นเต็มไปด้วยความวุ่นวายไม่รู้จบ เสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดทรมานจนแทบจะขาดใจ เพราะนายหญิงอาซาฮิ “คิโยมิ”กำลังจะให้กำเนิดทายาทคนแรก หญิงสาวใบหน้าซีดเซียวเต็มไปด้วยเหงื่อไคล มือบอบบางทั้งสองข้างดึงรั้งผ้าผูกโยงจากคาน เสียงหายใจกระหืดกระหอบแทบจะพรากชีวิตของนางไป
“อดทนอีกนิดเจ้าค่ะนายหญิง!! อีกนิดเดียวเท่านั้น!” เสียงเรียกของหมอตำแยดังขึ้นเพื่อไม่ให้นางหมดสติไปอีก ช่วงเวลาความเจ็บปวดอันแสนยาวนาน จนแสงอรุณของวันใหม่มาถึงสาดส่องรัศมีสีทองงดงาม ลมพัดไสวกลีบดอกไม้งามล่องลอยในอากาศ เสียงของทารกน้อยก็ดังลั่นไปทั่วคฤหาสน์ตระกูลอาซาฮิ เป็นลูกชายคนแรกของบ้าน นายท่านอาซาฮิ “อิซามุ อาซาฮิ” ตั้งตารอที่จะได้ยลโฉมบุตรชาย ทว่าเมื่อข้ารับใช้อุ้มทารกน้อยในห่อผ้าขาวสะอาดให้ผู้เป็นบิดาได้เห็นแต่จุดสังเกตร้ายแรงที่เกินจะรับได้คือ “ปานดอกซากุระสีแดงสด” บนสะบักของเด็กคนนี้
“ข้าปรารถนาจะได้บุตรชายที่แข็งแกร่งดั่งหินผา...แต่สวรรค์นั้นกลับมอบเพียงเด็กที่ไร้ค่าคนหนึ่ง”
ปานของคนชั้นต่ำมันไม่ควรจะเกิดขึ้นในตระกูลใหญ่ของอาซาฮิ เด็กคนนี้เกิดมาเป็นเพียงเครื่องผลิตทายาท ไม่มีพลังวิเศษอะไรเลยด้วยซ้ำ แทนที่นายท่านจะอุ้มบุตรชายด้วยความภาคภูมิใจกลับมีสีหน้าที่อ่านไม่ออก ไม่แตะต้องตัวของเด็กคนนี้และเดินหนีไปเท่านั้น
ในห้องพักฟื้นคิโยมิเธอเองก็เสียใจที่ไม่อาจมอบทายาทที่สมบูรณ์แบบให้กับสามีได้ น้ำตาสีใสไหลออกจากหางตาของเธออย่างเงียบงันไร้เสียงสะอื้นใดๆ แต่เธอกลับให้กำเนิดคนชั้นต่ำจะเอาไปอวดให้ใครชมก็ไม่ได้ แต่คิโยมินั้นก็ไม่ได้คิดจะรังเกียจอะไรในตัวเด็กคนนี้เลยด้วยซ้ำ ยังโอบกอดมอบความอบอุ่นและน้ำนมมื้อแรกให้กับเด็กคนนี้ เเสงของรุ่งอรุณของวันใหม่สาดส่องเข้ามาคิโยมิได้เห็นดังนั้นจึงตั้งชื่อให้เด็กน้อยคนนี้
“ไม่เป็นไรนะ…..แม่จะปกป้องเจ้าเอง ‘อากิระ’คนดีของแม่’ ”
‘อากิระ อาซาฮิ’ตั้งแต่เกิดมาก็เป็นที่รักของแม่และข้ารับใช้ในคฤหาสน์หลังนี้ยกเว้น....ผู้เป็นบิดา คิโยมิเธอจำวันที่ได้สวมชุดชิโรมุคุในวันแต่งงานกับนายท่านอาซาฮิได้ไม่เคยลืม ในพิธีแต่งงานทุกคนต่างมาแสดงความยินดี ยกเว้น อิซามุ อาซาฮิ เมื่อตอนที่เขานั้นยังเป็นคุณชายใหญ่ สีหน้าที่เรียบเฉย ไม่มีคำบอกรักหวานหู ไม่มีคำสัญญาและไม่มีแม้แต่รอยยิ้มที่จริงใจ ทั้งคู่แต่งงานกันเพราะคำว่า ‘เหมาะสม’เท่านั้น คิโยมิที่อุ้มอากิระในอ้อมแขนก็ภาวนาในใจขอร้องอ้อนวอนต่อสวรรค์ว่าอย่าให้อากิระมีชีวิตที่โดดเดี่ยวและทรมานเหมือนนางเลย
แต่บางคนรอบตัวของของสามีก็คิดว่าในแง่ไม่ดีถึงขั้นบอกว่าเด็กนั่นเป็น ‘ลูกชู้’มากกว่าจะเป็นสายเลือดอาซาฮิจริงๆ จนอากิระเติบใหญ่ได้สี่ขวบในชุดจินเบ ใบหน้าจิ้มลิ้ม ผิวขาวราวกับหิมะที่ตกโปรยปรายจากท้องนภา ดวงตากลมโตสีน้ำตาลเข้ม เรือนผมสีดำสนิทผมที่ยาวนั้นถูกเก็บเป็นมวยต่ำมีปิ่นไม้ปัก ริมฝีปากสีแดงระเรื่อ วิ่งเล่นอยู่สวนหลังเรือนเล็กที่อาศัยของแม่และอากิระ เพราะนายท่านไม่ต้องการที่จะเห็นหน้า
‘ให้มันมีชีวิตอยู่ที่นี่ก็ถือว่าข้าเมตตามันมากเกินพอแล้ว’
‘ให้สองแม่ลูกนั่นไปอยู่ที่เรือนหลังเล็กซะ อย่าเสนอหน้าขึ้นมาบนเรือนใหญ่ ถ้ายังอยากอยู่ที่นี่’
แค่นี้คิโยมิก็พอใจแล้วได้เห็นอากิระมีความสุข ได้เห็นรอยยิ้มพิมพ์ใจของลูกชายที่สดใส ทว่าสวรรค์นั้นดูจะเล่นตลกกับชีวิตของสองแม่ลูก ผ่านไปไม่กี่เดือนคิโยมินั้นเกิดล้มป่วย จะหาหมอจากไหนมารักษาก็บอกคำเดียวว่า ‘นางคงอยู่ได้อีกไม่นาน’ คิโยมิที่นอนบนฟูกใบหน้าสวยนั้นซีดเซียว ไร้สีเลือด ค่อยๆ ลืมตามองลูกชายที่นั่งอยู่ข้างๆ
“แม่จ๋า...อ่านนิทานให้อากิฟังอีกได้มั้ย”อากิระนั้นยังเล็กนัก ช่างไร้เดียงสาราวกับผ้าขาว มือเล็กๆ นั้นจับมือของคิโยมิไว้ไม่ปล่อยราวกับกลัวว่ามารดาจะหายไป คิโยมิใช้แรงที่อยู่นั้นเอื้อมมืออีกข้างลูบหัวของลูกชายก่อนจะเอ่ยขึ้น
“แม่ขอโทษนะอากิระ...แม่มันไร้ประโยชน์ไม่สามารถจะปกป้องเจ้าได้อีกต่อไป แม้แม่จะไม่อยากจากเจ้าไปไหน แต่ร่างกายของแม่คงไม่ไหวอีกแล้ว”
“….”
“แต่ไม่ว่าอะไรจะมากระทบลูก....ขอให้จงอดทนและเข้มแข็ง...อย่าให้คำพูดของใครมาทำให้ลูกของแม่รู้สึกด้อยค่า สักวันหนึ่งต้องมีคนเห็นค่าของลูกเหมือนที่แม่เห็น..แม่จะคอยมองลูกจากบนฟ้า...อากิระ..ของแม่” หลังจากคำพูดนั้นจบลงดวงตาของคิโยมิก็หลับสนิท ไร้ลมหายใจของการมีชีวิต เสียงร้องไห้ของอากิระดังระงมในเรือนเล็ก หลังจากนี้คงไม่มีมารดาที่คอยปกป้องอีกต่อไปแล้วนอกจากจะยืนด้วยตนเองเท่านั้น
................................................................................................................................................................