ในหมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่งที่ซ่อนตัวอยู่ในหุบเขา มีตำนานเล่าขานถึง "หญิงสาวในชุดขาว" ที่มักปรากฏตัวในคืนที่มีหมอกหนาทึบ ชาวบ้านเชื่อว่าเธอคือวิญญาณของหญิงสาวที่หายตัวไปอย่างลึกลับเมื่อหลายสิบปีก่อน ไม่มีใครรู้ว่าเธอตายหรือยังมีชีวิตอยู่
ระทึกขวัญ,ลึกลับ,สืบสวนสอบสวน,เล่าประสบการณ์,อื่นๆ,ผี,ผีหลอก,ผีไทย,ลึกลับ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
หญิงสาวในชุดขาวที่หายตัวอย่างลึกลับในหมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่งที่ซ่อนตัวอยู่ในหุบเขา มีตำนานเล่าขานถึง "หญิงสาวในชุดขาว" ที่มักปรากฏตัวในคืนที่มีหมอกหนาทึบ ชาวบ้านเชื่อว่าเธอคือวิญญาณของหญิงสาวที่หายตัวไปอย่างลึกลับเมื่อหลายสิบปีก่อน ไม่มีใครรู้ว่าเธอตายหรือยังมีชีวิตอยู่
ในหมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่งที่ซ่อนตัวอยู่ในหุบเขา มีตำนานเล่าขานถึง "หญิงสาวในชุดขาว" ที่มักปรากฏตัวในคืนที่มีหมอกหนาทึบ ชาวบ้านเชื่อว่าเธอคือวิญญาณของหญิงสาวที่หายตัวไปอย่างลึกลับเมื่อหลายสิบปีก่อน ไม่มีใครรู้ว่าเธอตายหรือยังมีชีวิตอยู่ แต่ทุกครั้งที่หมอกลง ค่ำคืนนั้นจะเงียบสงัดผิดปกติ และบางครั้งก็มีเสียงร้องไห้เบาๆ ดังลอยมากับสายลม
ในหมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่งที่ซ่อนตัวอยู่ในหุบเขา มีตำนานเล่าขานถึง "หญิงสาวในชุดขาว" ที่มักปรากฎตัวในคืนที่มีหมอกหนาทึบ ชาวบ้านเชื่อว่าเธอคือวิญญาณของหญิงสาวที่หายตัวไปอย่างลึกลับเมื่อหลายสิบปีก่อน ไม่มีใครรู้ว่าเธอตายหรือยังมีชีวิตอยู่ แต่ทุกครั้งที่หมอกลง ค่ำคืนนั้นจะเงียบสงัดผิดปกติ และบางครั้งก็มีเสียงร้องไห้เบาๆ ดังลอยมากับสายลม
วันหนึ่ง "กานต์" เด็กหนุ่มวัย 17 ปี ที่เพิ่งย้ายมาอยู่กับยายในหมู่บ้านนี้ ตัดสินใจออกไปสำรวจป่าใกล้บ้านตอนกลางคืน เขาได้ยินเรื่องเล่าจากยายเกี่ยวกับหญิงสาวในชุดขาว แต่เขาไม่เชื่อ เขาคิดว่ามันคงเป็นแค่เรื่องแต่งเพื่อขู่เด็กๆ คืนนั้น หมอกลงหนักกว่าปกติ ทัศนวิสัยแทบเป็นศูนย์ แต่กานต์ยังดื้อดึง ถือไฟฉายคู่ใจเดินเข้าไปในป่า
ระหว่างทาง เขาสังเกตเห็นเงาดำๆ เคลื่อนไหวผ่านหมอก แต่เมื่อส่องไฟไปดู กลับไม่พบอะไร นอกจากต้นไม้ที่โอนเอนไปตามลม ความเงียบเริ่มกดดันหัวใจของเขา จนกระทั่งเขาได้ยินเสียงฝีเท้าเบาๆ อยู่ข้างหลัง กานต์หันขวับ แต่ไม่มีใครอยู่ที่นั่น เขาเริ่มรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
ทันใดนั้น เสียงกระซิบดังขึ้นใกล้หูของเขา "ช่วยฉัน..." เสียงนั้นแหบพร่าและเย็นเยือกจนขนลุกซู่ กานต์สะดุ้งสุดตัว ไฟฉายในมือสั่นเทา เขาค่อยๆ หันไปมอง แล้วก็เห็นเธอ หญิงสาวในชุดขาวยืนอยู่ท่ามกลางหมอก ใบหน้าซีดเผือด ดวงตาว่างเปล่า และรอยยิ้มที่ดูไม่เป็นมิตร เธอยื่นมือที่เปื้อนโคลนมาทางเขา ช้าๆ แต่เห็นได้อย่างชัดเจน
"ช่วยฉัน... ตามฉันมา..." เธอพูดอีกครั้ง ก่อนที่ร่างของเธอจะค่อยๆ ลอยหายไปในหมอก กานต์รู้สึกเหมือนขาของเขาไม่ใช่ของตัวเอง เขาเริ่มเดินตามเธอไปโดยไม่รู้ตัว หัวใจเต้นแรงราวกับจะระเบิด สติของเขาค่อยๆ เลือนหายไป เหลือเพียงความรู้สึกเย็นยะเยือกที่เกาะแน่นที่หลังคอ
เช้าวันต่อมา ชาวบ้านพบรองเท้าของกานต์วางอยู่ริมป่า แต่ตัวเขาหายไปอย่างไร้ร่องรอย ไม่มีใครกล้าเข้าไปตามหา เพราะทุกคนรู้ว่าเมื่อหมอกลงหนา หญิงสาวในชุดขาวจะออกมาพาคนไป และไม่มีใครเคยกลับมาเล่าเรื่องราวได้อีกเลย
หลังจากที่กานต์หายตัวไปในคืนนั้น ชาวบ้านเริ่มกระซิบกันด้วยความหวาดกลัว บางคนบอกว่าเขาไม่น่าไปยุ่งกับป่าตอนหมอกลง บางคนเล่าว่าได้ยินเสียงร้องโหยหวนดังมาจากทิศทางนั้นตอนดึก แต่ไม่มีใครกล้าพิสูจน์ "ยายทอง" ยายของกานต์นั่งร้องไห้อยู่หน้าบ้าน มือกำผ้าขี้ริ้วแน่น เธอโทษตัวเองที่ไม่ห้ามหลานชายให้เด็ดขาดกว่านี้ เธอเล่าให้ "ลุงชัย" เพื่อนบ้านฟังว่า ก่อนหน้านี้สองสามวัน กานต์เคยบอกว่าเห็นเงาคนยืนอยู่หน้าบ้านตอนกลางคืน แต่พอออกไปดูกลับไม่มีอะไร
ลุงชัย ชายวัยห้าสิบที่เคยเป็นพรานป่ามาก่อน ตัดสินใจรวมกลุ่มกับคนหนุ่มในหมู่บ้านอีกสามคน เอก, ต้น และโจ้ เพื่อออกตามหากานต์ แม้ว่าชาวบ้านส่วนใหญ่จะคัดค้านก็ตาม ลุงชัยพกปืนลูกซองเก่าๆ ที่ขึ้นสนิมเล็กน้อย และมีดพร้าคู่ใจ ส่วนคนอื่น ๆ ถือไฟฉายและไม้ค้ำยาวเผื่อไว้ป้องกันตัว พวกเขาออกเดินทางในตอนบ่ายแก่ๆ วันที่หมอกยังไม่ลงหนัก แต่ท้องฟ้าครึ้มและลมเย็นเริ่มพัดแรงขึ้น
เมื่อเข้าไปในป่าได้ไม่นาน กลุ่มของลุงชัยเริ่มรู้สึกถึงความแปลกประหลาด อากาศเย็นลงอย่างรวดเร็ว แม้ว่าจะเป็นช่วงบ่ายก็ตาม เสียงนกที่เคยร้องเจื้อยแจ้วเงียบหายไป เหลือเพียงเสียงใบไม้เสียดสีกันเบาๆ ลุงชัยหยุดเดินกะทันหันเมื่อเห็นรอยเท้าบนพื้นดินเปียก เป็นรอยเท้าเปล่า ขนาดเล็กเหมือนของผู้หญิง แต่ที่แปลกคือรอยเท้าดูเหมือนจะลึกผิดปกติ เหมือนคนที่เดินมีน้ำหนักมากเกินไป
"นี่มันไม่ใช่รอยของกานต์แน่" ลุงชัยพูดเสียงต่ำ เอกที่ยืนอยู่ข้างๆ ก้มลงดูใกล้ๆ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงสั่นๆ ว่า "ลุง... รอยนี้มันชี้ไปทางลึกของป่าเลยนะ" ต้นกับโจ้เริ่มมองหน้ากันด้วยความกังวล แต่ลุงชัยบอกให้ทุกคนตั้งสติ "เรามาตามหากานต์ ไม่ได้มาหาอะไรที่เราพิสูจน์ไม่ได้ ถ้ามันมีอะไรแปลกๆ เราก็แค่ต้องตั้งสติ"
พวกเขาเดินตามรอยเท้าต่อไป จนมาถึงลำธารเล็กๆ ที่น้ำไหลเอื่อยๆ หมอกเริ่มหนาขึ้นเรื่อย ๆ จนมองเห็นกันแค่เงารางๆ ข้างลำธารมีต้นไม้ใหญ่ที่โคนต้นเต็มไปด้วยรากงอกงาม และที่ใต้รากนั้น พวกเขาพบผ้าขาดๆ สีขาวเปื้อนโคลนวางกองอยู่ ลุงชัยหยิบขึ้นมาดู ด้วยความระวังตัว มันดูเหมือนชายผ้าของชุดผู้หญิงเก่าๆ ที่ขาดวิ่นตามกาลเวลา
ทันใดนั้น โจ้ที่ยืนอยู่ท้ายกลุ่มร้องขึ้น "ลุง! ผมได้ยินอะไรแปลกๆ" ทุกคนหยุดนิ่ง หันไปฟัง เสียงฝีเท้าเบาๆ ดังจากด้านหลัง แต่เมื่อหันไปดู หมอกหนาทำให้มองไม่เห็นอะไรเลย ลุงชัยยกปืนขึ้นด้วยสัญชาตญาณ "ใครอยู่ตรงนั้น ออกมาเดี๋ยวนี้!" เขาตะโกน แต่ไม่มีคำตอบ มีเพียงเสียงลมที่พัดผ่าน และ... เสียงกระซิบแผ่วเบา "ช่วยฉัน... ตามฉันมา..."
ทั้งสี่คนชะงัก เอกหน้าซีดเผือด "ลุง... นี่มันไม่ใช่คนแน่ๆ" เขาพูดพร้อมถอยหลังไปชนต้นไม้ ต้นพยายามใช้ไฟฉายส่องไปรอบๆ แต่แสงจากไฟฉายกลับถูกหมอกกลืนกินจนแทบไม่เห็นอะไร ลุงชัยพยายามควบคุมสถานการณ์ "อย่าตื่นตระหนก! ถอยกลับไปที่ลำธารก่อน" แต่ก่อนที่พวกเขาจะขยับ ร่างในชุดขาวปรากฎขึ้นตรงหน้าพวกเขา ห่างออกไปไม่ถึงสิบเมตร
เธอยืนนิ่ง ดวงตาคล้ำลึกเหมือนบ่อน้ำที่ไม่มีก้น ใบหน้าซีดจนเกือบโปร่งแสง ผมยาวยุ่งเหยิงปิดครึ่งหน้า ชุดขาวของเธอเปื้อนโคลนและมีรอยขาดยาวที่แขน เธอค่อยๆ ยกมือขึ้นชี้ไปทางลึกของป่า แล้วพูดซ้ำด้วยน้ำเสียงที่เย็นเยือก "ช่วยฉัน... ตามฉันมา..." โจ้กรีดร้องออกมาเต็มเสียงแล้ววิ่งหนีไปคนแรก ตามด้วยต้นที่สะดุดล้มแต่ลุกขึ้นวิ่งต่อ เอกยืนตัวสั่นไม่ขยับ ลุงชัยยกปืนเล็งไปที่เธอ "แกคือตัวอะไรกันแน่!" เขาตะโกน แต่ร่างนั้นค่อยๆ หายไปในหมอกราวกับละลายเข้ากับอากาศ
ลุงชัยคว้าแขนเอกแล้ววิ่งตามโจ้กับต้นไป แต่ระหว่างทาง พวกเขาสูญเสียทิศทาง หมอกหนาจนมองไม่เห็นอะไรเลย เสียงฝีเท้าของโจ้และต้นเงียบหายไป ลุงชัยกับเอกพยายามเรียก แต่ไม่มีคำตอบ สิ่งที่ได้ยินกลับเป็นเสียงหัวเราะเบาๆ ของผู้หญิงที่ดังลอยมาจากทุกทิศทาง ลุงชัยรู้สึกถึงความเย็นที่ไหลจากปลายเท้าขึ้นมาถึงอก เขาก้มลงดูพื้น แล้วพบว่ารอยเท้าของหญิงสาวนั้นปรากฎขึ้นรอบตัวเขากับเอก ราวกับเธอเดินวนอยู่ใกล้ๆ ตลอดเวลา