เอลิอัน อัศวินหนุ่ม เขาเป็นนักรบที่แข็งแกร่งแต่หัวใจกลับอ่อนโยน เอลิอันออกเดินทางเพื่อตามหาดาบศักดิ์สิทธิ์ ลูนาเรีย ที่เชื่อกันว่าสามารถขจัดคำสาปมืดซึ่งกำลังกลืนกินดินแดนของเขาได้

อัศวินเงามืดใต้แสงจันทร์ - บทที่ 2 หุบเหวแห่งเงา โดย Raine Whitmore @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-หญิง,ผจญภัย,แฟนตาซี,ญี่ปุ่น,ไซไฟ,นิยายโรแมนติก,นิยายแฟนตาซี,นิยายรัก,นิยายรัก ,นิยายชายหญิง,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

อัศวินเงามืดใต้แสงจันทร์

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-หญิง,ผจญภัย,แฟนตาซี,ญี่ปุ่น,ไซไฟ

แท็คที่เกี่ยวข้อง

นิยายโรแมนติก,นิยายแฟนตาซี,นิยายรัก,นิยายรัก ,นิยายชายหญิง

รายละเอียด

อัศวินเงามืดใต้แสงจันทร์ โดย Raine Whitmore @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

เอลิอัน อัศวินหนุ่ม เขาเป็นนักรบที่แข็งแกร่งแต่หัวใจกลับอ่อนโยน เอลิอันออกเดินทางเพื่อตามหาดาบศักดิ์สิทธิ์ ลูนาเรีย ที่เชื่อกันว่าสามารถขจัดคำสาปมืดซึ่งกำลังกลืนกินดินแดนของเขาได้

ผู้แต่ง

Raine Whitmore

เรื่องย่อ

ในดินแดนแห่ง อาร์เวเนีย ที่ปกคลุมด้วยหมอกสีเงินและป่าโบราณอันลึกลับ มีตำนานเล่าขานถึง เอลิอัน อัศวินหนุ่มผู้มีดวงตาสีฟ้าใสราวกับท้องฟ้าในยามรุ่งสาง เขาเป็นนักรบที่แข็งแกร่งแต่หัวใจกลับอ่อนโยน เอลิอันออกเดินทางเพื่อตามหาดาบศักดิ์สิทธิ์ ลูนาเรีย ที่เชื่อกันว่าสามารถขจัดคำสาปมืดซึ่งกำลังกลืนกินดินแดนของเขาได้

ระหว่างทาง เอลิอันได้พบกับ เซเรน่า หญิงสาวลึกลับที่มีผมสีขาวราวหิมะและพลังเวทที่ซ่อนอยู่ในตัว เธอเป็นผู้พิทักษ์แห่งป่ามรกต ผู้รู้ความลับของลูนาเรีย แต่ถูกคำสาปผูกมัดให้อยู่อย่างโดดเดี่ยว เซเรน่าไม่ไว้ใจมนุษย์ โดยเฉพาะอัศวินอย่างเอลิอันที่เธอเชื่อว่าแสวงหาเพียงพลังของดาบเพื่อตัวเอง

แรกเริ่มทั้งคู่ไม่ลงรอยกัน เอลิอันมองว่าเซเรน่าเย็นชาและปิดกั้น ส่วนเซเรน่าคิดว่าเอลิอันเป็นเพียงนักรบหยิ่งผยองที่ไม่เข้าใจความเจ็บปวดของผู้อื่น แต่เมื่อภัยจากคำสาปมืดเริ่มรุกคืบ ทั้งคู่ถูกบังคับให้ร่วมมือกัน พวกเขาเผชิญหน้ากับอสูรกายแห่งเงาและปริศนาโบราณที่ทดสอบทั้งความกล้าและหัวใจ

ในคืนหนึ่งใต้แสงจันทร์ ขณะพักพิงในโพรงต้นไม้โบราณ เอลิอันเล่าถึงความฝันของเขาที่อยากเห็นอาร์เวเนียสงบสุขอีกครั้ง ส่วนเซเรน่าเผยว่าเธอเคยสูญเสียครอบครัวให้กับคำสาปนี้ และการปกป้องลูนาเรียคือภาระที่เธอแบกรับเพียงลำพัง ความเข้าใจเริ่มก่อตัวขึ้นระหว่างทั้งสอง จากศัตรูกลายเป็นสหาย และจากสหายกลายเป็นความผูกพันที่ลึกซึ้ง

เมื่อถึงจุดหมาย ณ หอคอยแห่งแสงนิรันดร์ พวกเขาพบว่าลูนาเรียไม่ใช่เพียงอาวุธ แต่เป็นกุญแจสู่การเสียสละ เซเรน่าต้องยอมสละพลังเวทของเธอเพื่อปลดปล่อยดาบ ขณะที่เอลิอันต้องเผชิญหน้ากับความกลัวที่ลึกที่สุดในจิตใจ แต่ด้วยความเชื่อใจกันและกัน ทั้งคู่สามารถทำลายคำสาปได้สำเร็จ อาร์เวเนียกลับมาสว่างไสวอีกครั้ง

หลังจากนั้น เอลิอันและเซเรน่าเลือกที่จะไม่แยกจากกัน พวกเขาเดินทางไปด้วยกัน ไม่ใช่ในฐานะอัศวินและผู้พิทักษ์ แต่เป็นคู่ชีวิตที่เติมเต็มกันและกัน ท่ามกลางโลกแฟนตาซีที่ทั้งคู่ปกป้องร่วมกัน

สารบัญ

อัศวินเงามืดใต้แสงจันทร์-บทที่ 1 อัศวินแห่งหมอก,อัศวินเงามืดใต้แสงจันทร์-บทที่ 2 หุบเหวแห่งเงา,อัศวินเงามืดใต้แสงจันทร์-บทที่ 3 สะพานแห่งความว่างเปล่า

เนื้อหา

บทที่ 2 หุบเหวแห่งเงา

"ที่นี่คืออะไร?" เอลิอันถาม ขณะปลดสายบังเหียนม้าแล้วผูกมันไว้กับต้นไม้ใกล้ ๆ

"สถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งหนึ่ง" เซเรน่าตอบสั้น ๆ เธอเดินไปนั่งที่ขอบบ่อน้ำ แล้ววางคทาลงข้างตัว "ถ้าเจ้าจะตามข้ามาหาลูนาเรีย เจ้าต้องพิสูจน์ก่อนว่าเจ้าไม่ใช่แค่คนโง่ที่วิ่งตามตำนาน"

เอลิอันนั่งลงตรงข้ามเธอ ห่างออกไปไม่กี่ก้าว "ข้าจะพิสูจน์ยังไง?"

เซเรน่ายกมือขึ้น น้ำในบ่อเริ่มสั่นไหวราวกับมีลมพัดผ่าน แสงสีเขียวจากฝ่ามือของเธอสะท้อนลงไปในน้ำ ก่อนที่ภาพจะค่อย ๆ ปรากฎขึ้นบนผิวน้ำราวกับกระจกวิเศษ ภาพนั้นเผยให้เห็นหมู่บ้านที่ถูกทำลาย บ้านเรือนพังทลาย ผู้คนกรีดร้องขณะที่เงามืดกลืนกินทุกสิ่ง เอลิอันกำหมัดแน่นเมื่อเห็นภาพนั้น มันคือหมู่บ้านของเขาในคืนที่ครอบครัวของเขาตาย

"เจ้าเห็นอะไร?" เซเรน่าถาม น้ำเสียงของเธอราบเรียบแต่แฝงด้วยความท้าทาย

"บ้านของข้า...ครอบครัวของข้า" เอลิอันตอบ เสียงของเขาสั่นเล็กน้อย "ข้าสูญเสียทุกอย่างในคืนนั้น ข้าจะไม่ยอมให้มันเกิดขึ้นกับคนอื่นอีก"

เซเรน่ามองเขานิ่ง ๆ สักพักก่อนจะลดมือลง ภาพในน้ำค่อย ๆ จางหายไป "ข้าเองก็เคยเห็นภาพแบบนั้น" เธอพูดเบา ๆ เกือบเป็นการกระซิบ "ครอบครัวของข้าถูกเงามืดพรากไปเช่นกัน แต่ข้าเลือกที่จะปกป้องป่าแห่งนี้แทนการวิ่งตามความหวังลม ๆ แล้ง ๆ อย่างลูนาเรีย"

"แล้วทำไมเจ้าถึงยังอยู่ที่นี่?" เอลิอันถาม "ถ้าเจ้าไม่เชื่อในลูนาเรีย ทำไมไม่หนีไปให้พ้นจากคำสาป?"

เซเรน่าหัวเราะเยาะ "หนี? เจ้าคิดว่ามันง่ายขนาดนั้นหรือ? คำสาปนี้ผูกมัดข้าไว้กับป่าแห่งนี้ ข้าจะตายถ้าข้าทิ้งมันไป" เธอหยิบคทาขึ้นมาแล้วลุกยืน "แต่เจ้า...เจ้ามีอิสระที่จะเลือก ถ้าจะไปต่อ ข้าจะพาเจ้าไปยังเส้นทางของลูนาเรีย แต่ถ้าเจ้าตาย ข้าจะไม่รับผิดชอบ"

เอลิอันลุกขึ้นตามเธอ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น "ข้าจะไปต่อ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น"

เซเรน่าพยักหน้ารับ ก่อนจะหันไปมองท้องฟ้าที่เริ่มมืดสนิท "ดี คืนนี้เราจะพักที่นี่ พรุ่งนี้เราจะเผชิญหน้ากับบางสิ่งที่เลวร้ายกว่าอสูรกายเมื่อครู่ เตรียมตัวให้ดี อัศวิน"

ขณะที่ทั้งคู่เตรียมตัวพักผ่อน เสียงหอนยาว ๆ ดังก้องมาจากส่วนลึกของป่า เงามืดบางอย่างกำลังเคลื่อนไหว และมันรู้ว่ามีผู้บุกรุกเข้ามาในอาณาเขตของมันแล้ว

แสงจันทร์สีเงินจาง ๆ สาดส่องลงมาบนลานศักดิ์สิทธิ์กลางป่ามรกต ขณะที่ลมเย็นพัดผ่านพุ่มไม้ ทำให้ใบไม้สีเข้มสั่นไหวและส่งเสียงกรอบแกรบดังเบา ๆ เอลิอันนั่งพิงต้นไม้ใหญ่ที่มีรากโผล่พ้นพื้นดินราวกับงูยักษ์บิดตัว เขาถือก้อนหินทรงกลมในมือ ค่อย ๆ ขูดคราบเลือดสีดำจากดาบของเขาด้วยความระมัดระวัง เกราะหนังสีน้ำตาลเข้มของเขามีรอยขีดข่วนใหม่เพิ่มมาจากการต่อสู้เมื่อครู่ และเสื้อคลุมสีเทาที่ขาดวิ่นพาดอยู่บนไหล่ราวกับเครื่องเตือนใจถึงการเดินทางที่โหดร้าย

ไม่ไกลจากเขา เซเรน่านั่งขัดสมาธิอยู่ริมบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ คทาไม้ที่แกะสลักลวดลายโบราณวางพาดอยู่บนตักของเธอ ผมสีขาวราวหิมะของเธอปลิวไสวไปกับสายลม เผยให้เห็นใบหน้าที่งดงามแต่เต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า เธอยกมือขึ้นสัมผัสน้ำในบ่อเบา ๆ ปลายนิ้วของเธอสร้างระลอกคลื่นเล็ก ๆ ที่สะท้อนแสงจันทร์เป็นวงกลมกว้างขึ้นเรื่อย ๆ "ป่าแห่งนี้กำลังร้องไห้" เธอพูดขึ้นมาโดยไม่หันมองเอลิอัน "เจ้ารู้สึกได้ไหม?"

เอลิอันหยุดขูดดาบแล้วเงยหน้าขึ้นมองรอบตัว เขาสูดลมหายใจลึก ๆ กลิ่นดินชื้นและกลิ่นใบไม้เน่าปนกับกลิ่นบางอย่างที่เขาไม่สามารถระบุได้—กลิ่นที่หนักหน่วงและอึมครึมราวกับความตาย "ข้ารู้สึกถึงความเงียบ" เขาตอบ "มันเงียบเกินไป ไม่มีแม้แต่เสียงของสัตว์"

เซเรน่าพยักหน้า "นั่นเพราะมันรู้ว่าเราอยู่ที่นี่" เธอลุกขึ้นยืน หยิบคทามากุมไว้ในมือ "เงามืดไม่ใช่แค่คำสาป มันมีชีวิต มันคิดได้ และมันเกลียดทุกสิ่งที่มีแสงสว่าง"

ก่อนที่เอลิอันจะได้ถามอะไรเพิ่ม เสียงหอนยาว ๆ ดังก้องมาจากส่วนลึกของป่า เสียงนั้นแหบแห้งและเย็นยะเยือกจนทำให้ขนลุก ม้าของเอลิอันที่ผูกไว้กับต้นไม้เริ่มตื่นตระหนก มันขูดกีบลงกับพื้นและสะบัดหัวไปมาอย่างควบคุมไม่ได้ "สงบลง!" เอลิอันลุกขึ้นวิ่งไปควบคุมม้า แต่สายตาของเขาจับจ้องไปที่เงาราง ๆ ที่เคลื่อนไหวในพุ่มไม้รอบลาน

เซเรน่ายกคทาขึ้นทันที แสงสีเขียวเข้มพุ่งออกจากปลายคทาเป็นวงกลมล้อมรอบลานศักดิ์สิทธิ์ "เตรียมตัว อัศวิน" เธอพูดด้วยน้ำเสียงตึงเครียด "มันมาแล้ว"

พื้นดินสั่นสะเทือนเบา ๆ ราวกับมีบางสิ่งหนักหน่วงกำลังเคลื่อนที่เข้ามาใกล้ หมอกสีเงินที่ลอยอยู่ในอากาศเริ่มหนาขึ้นจนมองเห็นได้แค่ไม่กี่ก้าวข้างหน้า จากนั้นเงาดำขนาดมหึมาปรากฎขึ้นจากความมืด มันสูงกว่าต้นไม้รอบลานเกือบสองเท่า ร่างกายของมันเป็นเงาดำที่บิดเบี้ยวราวกับหมึกไหล ดวงตาสีแดงเพลิงสี่ดวงจ้องมองลงมาที่ทั้งคู่ด้วยความเกลียดชัง กรงเล็บยาวที่ทำจากเงาคล้ายควันพุ่งออกจากแขนของมัน ขูดลงกับพื้นดินจนเกิดรอยลึกและส่งกลิ่นเหม็นไหม้ลอยขึ้นมา

"นี่มันอะไรกัน!" เอลิอันตะโกน ชักดาบออกมาทันที เขายืนในท่าเตรียมต่อสู้ ขาของเขาเกร็งแน่นเพื่อรับแรงกระแทก

"มันคือหนึ่งในผู้รับใช้ของเงามืด" เซเรน่าตอบ เธอกวาดคทาไปในอากาศ สายเถาวัลย์หนาที่ยื่นออกมาจากพื้นดินพุ่งเข้าพันรอบขาของอสูรกาย "ระวังตัวให้ดี มันเร็วกว่าที่เห็น!"

อสูรกายคำรามดังสนั่น ฉีกเถาวัลย์ของเซเรน่าขาดเป็นเสี่ยง ๆ ด้วยกรงเล็บของมัน ก่อนจะพุ่งเข้าหาเอลิอันด้วยความเร็วที่ไม่น่าเชื่อสำหรับร่างกายขนาดนั้น เขากลิ้งตัวหลบไปด้านข้างได้ทันเวลา กรงเล็บของมันปักลงกับพื้นดินที่เขาเคยยืนอยู่ ส่งโคลนและหญ้ากระเด็นไปทั่ว เอลิอันฟันดาบเข้าใส่แขนของมัน แต่ใบดาบผ่านร่างที่เป็นเงาไปโดยไม่เกิดรอยแผลใด ๆ

"ดาบของเจ้าใช้ไม่ได้ผล!" เซเรน่าตะโกน เธอวิ่งไปด้านข้าง ส่งพลังเวทเป็นลูกไฟสีเขียวพุ่งเข้าใส่ดวงตาของอสูรกาย มันกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดและถอยหลังไปสองสามก้าว "เราต้องโจมตีพร้อมกัน!"

เอลิอันพยักหน้า เขาวิ่งไปตั้งหลักใกล้บ่อน้ำ ขณะที่เซเรน่าสร้างกำแพงเถาวัลย์ขึ้นมาขวางอสูรกายไว้ชั่วครู่ "บอกข้ามาว่าต้องทำยังไง!" เขาตะโกน