จะจีบฟ้าโปรด​ ต้องแกร่งหน่อยนะ​ เพราะฟ้าโปรดมันคนใจเเข็ง

ฟ้าโปรดให้รัก - ตอนที่1 โปรดที่ 1 โดย คนหิวมักวู่วาม @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

โอเมกาเวิร์ส,ชาย-ชาย,รัก,วัยว้าวุ่น,ไทย,แฟนตาซี,โอเมก้าเวิร์ส,18+,ํYaoi,boylove ,boylove/yaoi,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ฟ้าโปรดให้รัก

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

โอเมกาเวิร์ส,ชาย-ชาย,รัก,วัยว้าวุ่น,ไทย

แท็คที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,โอเมก้าเวิร์ส,18+,ํYaoi,boylove ,boylove/yaoi,พล็อตสร้างกระแส

รายละเอียด

ฟ้าโปรดให้รัก โดย คนหิวมักวู่วาม @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

จะจีบฟ้าโปรด​ ต้องแกร่งหน่อยนะ​ เพราะฟ้าโปรดมันคนใจเเข็ง

ผู้แต่ง

คนหิวมักวู่วาม

เรื่องย่อ

ฟ้าโปรดเบต้าหนุ่มหัวกะทิ​ เบต้าเพียงคนเดียวในหมู่มวลอัลฟ่าโอเมก้า​

ลูกชายเพียงคนเดียวของพ่อหมอและแม่น้ำตาล​

ถึงฟ้าโปรดจะเป็นน้องน้อยในกลุ่มแต่ระดับความเก่งก็ถือว่าไม่ธรรมดา​

เพราะความงามและความเก่งจึงไปต้องตาต้องเหล่า อัลฟ่าให้มารุมตอมไม่เว้นแม้กระทั่ง

คราม ชายหนุ่มอินิกม่า น้องชายบุญธรรมของน้ำตาลแม่ของเขา เรื่องราวความน่ารัก มุ้งมิ้ง จึงเริ่มต้นขึ้น

สารบัญ

ฟ้าโปรดให้รัก-ตอนที่1 โปรดที่ 1

เนื้อหา

ตอนที่1 โปรดที่ 1

       โปรดที่ 1

( ฟ้าโปรด  ทรงโปรด   )

 

     ตั้งแต่เกิดมาจนถึงตอนนี้ไม่เคยคิดหรอกว่าผมจะมีคนรักเป็นของตนเอง เหมือนดั่งพ่อหมอและแม่น้ำตาล ที่หลงรักกันแม้ตัวของพ่อจะเป็นเพียงเบต้าหัวกะทิทั่วไป  

ความรักของพวกอัลฟ่าและโอเมก้า ถูกตรึงไว้ด้วยพันธนาการนั่นคือ คู่แห่งโชคชะตาและเบต้าอย่างพวกผมนั้นก็คงไม่มีสิทธิ์คิดไปหลงรักอัลฟ่าหรือโอเมก้าเหล่านั้นได้อย่างแน่นอน   

กรณีของพ่อและแม่ของผมนั้นมันเป็นเพียงแค่ 0.05เปอร์เซ็นต์ของประชากรทั้งหมดเท่านั้นเอง 

อัลฟ่าคู่กับโอเมก้าฉันใด  เบต้าก็ย่อมคู่กับเบต้าด้วยกันฉันนั้น  ธรรมชาติได้สร้างสรรค์มาแล้ว จะไปฝืนกฏฝีนธรรมชาติก็คงจะยากเต็มที

             “ ฟ้าโปรด ฟ้าโปรด อ่ะนี่เราให้ ”

ผมหันมองตามเสียงเรียกของอัลฟ่าคนดังประจำคณะนิเทศศาสตร์  ที่กำลังวิ่งหอบช่อดอกไม้สีขาวช่อใหญ่ตรงมายังผมที่บริเวณทางเดินเชื่อมจากตึกกลางของคณะสถาปัตย์ไปยังตึกเรียนรวมพร้อมกับยื่นช่อดอกไม้นั่นให้กับผม

ผมหันมองช่อดอกไม้ในมือของอัลฟ่า พลางเงยหน้าขึ้นมองและยกยิ้มให้อย่างสดใสจากนั้นจึงกล่าวตอบ

“ ไม่เอาครับ เราไม่ได้รู้จักกัน ผมไม่ชอบรับของจากคนที่ไม่รู้จักขอโทษนะครับ ”   ผมโค้งศีรษะเล็กน้อยพร้อมกับหันหลังเริ่มเร่งฝีเท้าของตนเพื่อให้ทันเวลาเรียนวิชาแรกของวัน

“ โอ้ย จะทันไหมเนี่ย ”

ปึ้ง

 เสียงเปิดประตูดังขึ้น โดยที่ผมเป็นคนผลักมันให้เปิดออกด้วยตนเอง  ทุกสายตาภายในห้องหันมาสนใจที่ผมเป็นตาเดียว  แต่ผมก็หาได้สนใจไม่  ผมสนใจแค่ว่าตอนนี้อาจารย์เขาสอนแล้วรึยังเพียงเท่านั้น  แต่ในเมื่อผมไม่เห็นแม้แต่เงาของท่าน  นั่นก็เป็นโชคดีของผมที่จะได้เข้าห้องอย่างสบายใจ

“ อาจารย์ยังไม่มาเหรอ ” 

“ เออยัง โชคดีนะที่วันนี้พวกเราต้องฟังวิทยากรพูดเรื่องงานโครงสร้างที่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมในยุคบลาๆอะไรนั่น และสงสัยว่าวิทยากรน่าจะยังไม่มาด้วยมั้ง  แกเลยมาทันอะโปรด ”

“ เออ รอดไปกูต้องกราบขอบคุณแนบอกเขาแล้วล่ะ ฮะฮ่า ”

“ ทะลึ่งน่า ”

ผมกล่าวพูดคุยกับเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของผมในคณะ  เซ็น  เพื่อนรุ่นพี่ของผมตั้งแต่สมัยเรียนประถมตามความจริงแล้วเซ็นเป็นเพื่อนสนิทกับ ไดได หรือไดจิพี่ชายที่เป็นเหมือนดั่งเพื่อนสนิทของผมมาตั้งแต่เด็ก   ที่ผมกับไดไดสนิทกันเพราะครอบครัวของเราทั้งสองนั้นต่างเป็นเพื่อนรักกันมานาน  รุ่นลูกอย่างพวกเราจึงพลอยสนิทกันไปด้วย   ในกลุ่มของผมนั้นมีแต่อัลฟ่า กับโอเมก้าอีกหนึ่งคน และผมที่เป็นเบต้า  ถ้าจะให้นับรุ่นนับอายุตามความเป็นจริงแล้วผมต้องเป็นน้องน้อยที่สุดของกลุ่ม เพราะด้วยเหตุผลที่ว่าผมเกิดช้ากว่าเจ้าแฝดแสบ อดัมเอเดนน้องชายของไดจิเพียงแค่ สามเดือนเท่านั้น   แต่ช่วงมัธยมต้นผมกลับสอบเทียบระดับชั้นมัธยมปลายได้   จึงทำให้ผมก้าวกระโดดเลยทุกคนไปเยอะพอสมควร   ในคราแรกแฝดแสบดัมเดน  พอรู้ว่าผมสอบเทียบมัธยมปลายได้  พวกนั้นก็เอาแต่งอแงบอกว่าผมนั้นทิ้งพวกเขาไว้กลางทาง ซ้ำยังบอกอีกว่าไม่มีคนให้ลอกการบ้านรู้สึกว่าต้องใช้ความคิดเยอะขึ้นต้องเหนื่อยขึ้น จึงไปขอเพิ่มเงินค่าขนมจากมัมไดร์ฟของพวกเขา  จนโดนฟาดก้นลายร้องไห้อยู่หลายวันเลยล่ะ  เอาจริงๆนะอยู่กับเจ้าแฝดแสบน่ะ สนุกดีไม่เครียดและไม่กดดันใดๆเลย  เหมือนมีน้องชายเป็นของตัวเองให้คอยดูแล  จนในบางทีผมเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าแฝดแสบนั้นเป็นเพื่อนหรือภาระของผมกันแน่

ภายในห้องบรรยายคึกคักไปด้วยเสียงของนักศึกษาสถาปัตย์  ปี 5  และเสียงนั้นค่อยๆเงียบลงเมื่อเสียงฝีเท้าของรองเท้าหนังกระทบพื้นดังก้องไปทั่วชั้นเรียน พร้อมกับเสียงเปิดประตูของอาจารย์ประจำวิชา จากนั้นการเรียนการสอน พร้อมกับการฟังบรรยายจึงเริ่มขึ้น 

การเรียนการสอนสิ้นสุดลงในเวลาเกือบเที่ยง  ทุกๆคนต่างรีบร้อนเก็บข้าวของเพื่อจะกลับไปเคลียร์งานที่ตนเองทำค้างเอาไว้  หรือลงไปรับประทานอาหารกลางวันยังโรงอาหารของคณะ

“ มึงกลับหอเลยไหมเซ็น ”

“ ยังกูหิวข้าว มึงกลับก่อนได้เลยนะไอ้ฟ้า ”

ผมกล่าวถามเพื่อนสนิทพ่วงด้วยตำแหน่งรูมเมทของผม  วันนี้ไอ้เซ็นอัลฟ่าหนุ่มนายแบบที่เมื่อคืนไม่ยอมกลับหอของพวกเรา  เพราะมีคิวถ่ายงานจนถึงเที่ยงคืน แถมที่แถวนั้นยังไกลจากหอพักของพวกเราพอสมควร  มันจึงขอนอนค้างที่ห้องผู้จัดการและบังคับให้เขามาส่งในตอนเช้า   นี่ไม่ใช่ครั้งแรกหรอกผมที่เป็นรูมเมทกับมันเริ่มชินกับพฤติกรรมนี้ไปเสียแล้ว  ผมพยักหน้าให้เพื่อนตัวเองเล็กน้อยจากนั้นจึงกล่าวลา  เพราะว่าวันนี้  ผมมีนัดกับชาวแก๊งค์สมัยเด็ก ทุกคนนัดกันเลี้ยงฉลองการกลับมาของพี่ชายคนโตของแก๊งค์อย่างไดได   พวกเราจึงต้องนัดรวมตัวกันให้ครบหลังจากที่ ไม่ได้เจอกันมานาน

“ ฟ้าโปรดคนงาม ทางนี้ ”

มะม่วงลุกขึ้นยืนเต็มความสูงพร้อมกับโบกไม้โบกมือเรียกผมที่กำลังเดินเข้ามาในบาร์ที่แม่ของพวกเราทั้งหมดเป็นหุ้นส่วนกัน  บาร์แห่งนี้มีความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวค่อนข้างสูง  จึงเหมาะกับกลุ่มเพื่อนที่มีสถานะเพศรองที่แตกต่างกันอย่างกลุ่มของพวกเรา ผมพยักหน้าให้เป็นสัญญาณบอกว่าผมเห็นพวกเขาแล้ว  จากนั้นผมจึงค่อยๆเดินเข้ามายังโต๊ะกว้างที่มีฉากกั้นเล็กๆเพื่อความเป็นส่วนตัว และที่ตรงนี้มักใช้เป็นที่ประจำในเวลาที่เราทั้งหมดรวมตัวกันเสมอ

“ ฟ้าเรียนเป็นไงบ้าง ”

“ หนักอยู่ช่วงนี้อาจไม่ค่อยได้เจอกันนะ มังคุด ”

“ แย่จัง แต่ก็คงพอกันล่ะเพราะเราก็ต้องทำโปรเจ็คจบหัวข้อวิจารณ์บทละครดังเหมือนกัน ไม่มีเวลาเขียนนิยายเลย ”

 มังคุดโอเมก้าเพียงคนเดียวในกลุ่ม กล่าวขึ้นด้วยเสียงงุ้งงิ้งน่าฟัง  แม้หน้าตาของมังคุดจะคล้ายคลึงกับแฝดพี่ของเขาอย่างมะม่วง  แต่ด้วยเพศรองที่เป็นโอเมก้าจึงทำให้มังคุดนั้นดูอ่อนหวาน และดูน่าทนุถนอมกว่าหมีควายตัวพี่อย่างมะม่วงอยู่มาก  แถมนิสัยยังแตกต่างกันอย่างสุดขั้วเหมือนทั้งสองไม่ใช่ฝาแฝดกัน เหมือนแค่แบ่งท้องเพื่อโตร่วมกันเฉยๆเท่านั้น  เรื่องนี้ผมไม่ได้กล่าวเองแต่อย่างใด เพราะผู้เป็นแม่ของเขาอย่างน้าพุทราเป็นคนกล่าวต่างหาก  พี่ชายอย่างมะม่วง ห้าวเป้งไม่ยอมคนแถมยังชอบปกป้องน้องๆอย่างพวกเรา ส่วนน้องชายอย่างมังคุดกลับมีนิสัยขี้อาย ใจดี แถมยังรักสงบ  ซึ่งแตกต่างกับแฝดแสบอย่างอดัมและเอเดน  ที่นิสัยของทั้งสองนั้นเหมือนกันยังกับร่างโคลน  ถ้าจะมีเรื่องที่แตกต่างก็คงมีอยู่เรื่องเดียวคือ ความชอบที่อดัมจะชอบโอเมก้าตัวเล็กๆสวยๆเทคแคร์เก่งๆ  ส่วนเอเดนจะชอบคนที่หยิ่งๆเข้าถึงยากๆ ที่ผมรู้เพราะเวลาที่ทั้งสองพาคู่ควงมามักจะมีข้อแตกต่างอย่างเห็นได้ชัดเสมอ  กล่าวถึงไม่ทันไร สามพี่น้องดอเด็กก็เดินตรงเข้ามายังโต๊ะของพวกเราในทันที  แฝดแสบกับผมเราเจอกันค่อนข้างบ่อยอยู่แล้ว  แต่กับไดจิเขาย้ายไปเรียนที่ต่างประเทศตั้งแต่ม.4 เทอมสอง ผมจึงได้ร่วมเรียนกับเขาเพียงแค่ 1 เทอมเท่านั้น เขาไม่ได้ดูเปลี่ยนไปจากเดิมเท่าไหร่นัก   แม้กระทั่งสายตาที่กำลังลอบมองโอเมก้าตัวน้อยในกลุ่มของพวกเรา   ให้ตายเถอะที่แฝดแสบเคยบอกว่าไดจิ  ชอบมังคุดนี่เรื่องจริงสินะ   ส่วนโอเมก้าที่ก้มหน้างุดอยู่ข้างกายผมก็ออกอาการเขินอายอย่างน่ารักผิดกับมังคุดคนเก่าที่เข้าถึงยาก ไม่สนใจใคร แบบนี้สินะที่ตลอดมาเพื่อนตัวเล็กตั้งกำแพงไม่ให้คนเข้าหาไม่ใช่เพราะว่ารักใครไม่เป็นหรอก  แต่มีคนในใจอยู่นานแล้วนั่นก็คืออัลฟ่าพี่โตจนไม่กล้าเอาใครเข้ามาแทน  อืมคู่สร้างคู่สมจริงๆนะสองคนนี้

    ในระหว่างที่กำลังอิจฉาความรักของเพื่อนร่วมกลุ่มในใจอยู่นั้น  เสียงของเอเดนก็กล่าวทักขึ้นข้างกายอย่างแผ่วเบาและมีเพียงแค่เราสองคนเท่านั้นที่ได้ยิน

“ ฟ้า คุณคนนั้นเขามองฟ้าอยู่นานแล้วนะเราเห็น “ 

ผมหันมองตามทิศทางที่เอเดนพยักเพยิดใบหน้าไป  และผมก็เจอเข้ากับชายหนุ่มที่มองเผินๆแล้ว ผมรู้สึกถึงกลิ่นอายของ  อัลฟ่าแท้จากคนๆนี้  อัลฟ่าแท้ส่วนใหญ่จะอาศัยอยู่แทบทางยุโรป  ในเอเชียบ้านเราหาได้ยากยิ่งนัก  และสิ่งที่บ่งบอกความเป็นอัลฟ่าแท้ได้ดีก็คือ กลิ่นกายที่หอมเข้ม ยั่วยวนให้โอเมก้า หรือแม้กระทั่งเบต้าให้หลงไหลเพราะโดยปกติแล้ว  เบต้าจะไม่อาจรับรู้ถึงกลิ่นฟิโรโมนของ อัลฟ่าและโอเมก้า  แต่กับอัลฟ่าแท้นั้น เบต้าสามารถรับรู้ได้ถึงกลิ่นฟิโรโมนอันยั่วยวนให้หลงไหล และตัวของอัลฟ่าแท้เองถ้ามีเชื้อของอินิกม่าแฝงอยู่จะทำให้ คู่นอนของตนเองไม่ว่าเพศไหนก็ตามสามารถท้องได้  

ชายหนุ่มคนนั้นมองจ้องผม  ด้วยแววตาที่ผมไม่เคยเจอมาก่อน  เขาไม่ได้มองเหมือนพวกอัลฟ่าที่จะเข้ามาจีบกัน  แต่เหมือนกับเขามองมาทางผมเพื่อต้องการค้นหาอะไรบางอย่าง   ผมจึงหันไปยกยิ้มส่งให้กับเขาเป็นการทักทายตามมารยาท  แม้ใบหน้าคมเข้มที่จ้องมองอยู่นั้นจะยกยิ้มมุมปากน้อยๆกลับมาให้กับผมก็ตาม แต่ผมก็หาได้สนใจเขาต่อจากนั้นไม่  และหันกลับมาสนใจกับวงสนทนา ที่ตอนนี้มะม่วงกำลังเล่าถึงวีรกรรมของแฝดแสบให้กับพี่ใหญ่ของกลุ่มได้ฟัง