“เธอต้องการอะไรกันแน่อันนา บอกพี่สิ” “ฉันอยากอยู่กับพี่ค่ะ!” อันนาตัดสินใจแบบนั้น บอกตัวเองว่าเธอรักเขามากมาย รักแบบไม่มีข้อแม้ แม้จะต้องแลกด้วยความสาวเธอก็ยอม ขอเพียงให้เธออยู่ในสายตาของเขาตลอดเวลาก็พอ
รัก,ชาย-หญิง,ผู้ใหญ่,ฤทธิ์รักอสูรร้าย ,อรอร,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ฤทธิ์รักอสูรร้าย“เธอต้องการอะไรกันแน่อันนา บอกพี่สิ” “ฉันอยากอยู่กับพี่ค่ะ!” อันนาตัดสินใจแบบนั้น บอกตัวเองว่าเธอรักเขามากมาย รักแบบไม่มีข้อแม้ แม้จะต้องแลกด้วยความสาวเธอก็ยอม ขอเพียงให้เธออยู่ในสายตาของเขาตลอดเวลาก็พอ
มาร์เธียส ทูริพาโน มหาเศรษฐีหนุ่มเจ้าของธุรกิจพลังงานอันดับหนึ่งในบริชเธน เขาร่ำรวย หล่อเหลา เป็นหนึ่งในหนุ่มโสดเนื้อหอมหัวใจเย็นชาที่ยังคงไร้ซึ่งคู่ครอง ชายหนุ่มได้ชื่อว่าเป็นบุรุษหนุ่มที่มีสายตาเฉียบคมในเชิงธุรกิจ แต่ดวงตาคู่นั้นกลับมองข้ามคนใกล้ตัวที่คอยแอบห่วงใย คะนึงหา และปรารถนาที่จะเป็นคนข้างใจ เขายัดเยียดให้เธอเป็นตัวปัญหา เป็นคู่หมายที่เขาไม่พึงปรารถนา แต่เมื่อมีบุรุษเข้ามายุ่มย่ามวุ่นวาย ความรู้สึกเป็นเจ้าของกลับพลุ่งพล่านฉีดแรง หัวใจที่เคยเย็นชากลับร้อนระอุดั่งไฟเผา เขาหวงเธอ ไม่อาจสูญเสีย จนต้องกลายร่างเป็นอสูรร้าย จัดการรวบหัวรวบหางจับแม่สาวหน้าหวานกลืนลงท้องชนิดไม่มีเหลือเผื่อไว้ถึงบุรุษหนุ่มคนอื่น
อันนา โคโทเนหญิงสาวชาวไทย ผู้จากบ้านมาไกลถึงบริชเธน เธอเป็นเลขาฯสาวสวยข้างกายมาร์เธียส ทูริพาโน และแอบหลงรักเจ้านายตัวเองมาเนิ่นนาน ยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ความรักสมปรารถนา ด้วยถือคติที่ว่า “เพราะเธอคือทั้งหมดของหัวใจ” จึงตกหลุมพรางที่เสือร้ายอย่างมาร์เธียส ทูริพาโนวางล่ออย่างเต็มใจ
“อย่าทำแบบนี้ได้ไหมคะมาร์เธียส ฮือๆ” อันนาร่ำไห้เสียใจกับท่าทีหมางเมินเย็นชาของชายหนุ่ม เธอโผเข้ากอดซบอกเมื่อบอกตัวเองว่าทนไม่ได้ที่จะกลายเป็นคนไม่สำคัญของมาร์เธียส ทูริพาโน ทนไม่ได้ที่จะไม่ได้เห็นเขาทุกเช้า ทนไม่ได้ที่จะไม่ได้เดินเคียงไปกับเขาทุกที่ ทนไม่ได้ที่เขาจะเห็นคนอื่นสำคัญกว่าเธอ
“ร้องไห้ทำไมเด็กโง่ เธอต้องการแบบนี้ไม่ใช่เหรอ” มือหนายกขึ้นลูบหลังปลอบโยน
“ไม่ค่ะ ไม่ใช่แบบนี้” ร่างอรชรยังซุกหน้าร่ำไห้อยู่กับแผงอกล่ำภายใต้เสื้อสูทราคาแพงของเขา
“แล้วแบบไหน พี่เอาใจเธอไม่ถูกหรอก”
“พี่อย่าเพิ่งไล่ฉันออกได้ไหมคะ”
“พี่ไม่ได้ไล่ แค่ให้โอกาสเลือกสิ่งดีๆ กับชีวิตของเธอเอง ฟรังซัวส์อาจเป็นคนที่ใช่สำหรับเธอก็ได้”
“ไม่ค่ะ ไม่ใช่” คำตอบนั้นเรียกรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ในดวงตาสีฟ้าน้ำทะเลได้เป็นอย่างดี
นิ้วแข็งแรงเชยคางคนในอ้อมอกให้เงยขึ้นสบตา แล้วโน้มใบหน้าลงไปกระซิบถามตรงเรียวปากอิ่มเต็ม
“เธอต้องการอะไรกันแน่อันนา บอกพี่สิ”
“ฉันอยากอยู่กับพี่ค่ะ!” อันนาตัดสินใจแบบนั้น บอกตัวเองว่าเธอรักเขามากมาย รักแบบไม่มีข้อแม้ แม้จะต้องแลกด้วยความสาวเธอก็ยอม ขอเพียงให้เธออยู่ในสายตาของเขาตลอดเวลาก็พอ
สายลมหนาวพัดกรูเกรียวมากับละอองหิมะโปรยปรายบางๆ เมื่อย่างเข้าสู่ฤดูหนาว ตัวอาคารหลายหลังจึงมีสีขาวของหิมะเกาะจับ ไม่เว้นแม้แต่ตึกสูงเสียดฟ้ารูปทรงทันสมัย ตั้งโดดเด่นอยู่บนถนนสายหลักของใจกลางเมืองหลวงอย่างกรุงบรีเธน บนยอดตึกติดตั้งดวงดาวสีแดงทรงกลมซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของดาวอังคาร ให้หมุนรอบตัวเองอยู่บนฐานหินอ่อน ภายใต้ป้ายอักษรมาร์สโปรดักส์ ซึ่งเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ทางด้านพลังงานอันดับหนึ่งของประเทศ
เฮลิคอปเตอร์สีดำมีตราสัญลักษณ์ของมาร์สโปรดักส์ร่อนฝ่าสายลมหนาวลงจอดตรงลานกว้างบนยอดตึก ใบพัดชะลอช้าลงเมื่อเครื่องยนต์ดับสนิท ประตูด้านคนโดยสารเปิดกว้างให้ร่างสูงสง่าของมาร์เธียส ทูริพาโนในชุดสูททำงานเข้ารูปสีเทาเข้มสวมทับด้วยเสื้อโค้ทตัวหนาลงมายืน ก่อนหันไปยื่นมือรับอันนา โคโทเนเลขาฯ ให้ก้าวตามลงมา แล้วพากันก้าวเดินเข้าไปยังประตูของตัวอาคาร โดยมีเอเต้ ซิลวาบอดี้การ์ดเดินตามหลัง
อันนาก้าวเดินด้วยรองเท้าส้นเข็มสูงสามนิ้วอย่างคล่องแคล่ว เมื่อต้องเดินเคียงประธานมาร์สโปรดักส์ให้ทันอยู่ตลอด เวลาหกปีที่ทำหน้าที่เลขาฯ ให้กับมาร์เธียส หญิงสาวทำได้อย่างยอดเยี่ยมไม่มีที่ติ ไม่ว่าเขาจะเดินทางไกลใกล้ เธอก็ติดตามเขาไปทุกที่ในฐานะเลขาฯ ผู้รู้งาน รู้ใจ แต่มีสิ่งหนึ่งที่ไม่เคยทำได้นั่นก็คือเอาชนะใจชายหนุ่ม แม้เธอจะมีที่ปรึกษาเป็นถึงอาร์ทิมีส อัญมณี คาลซินีเจ้าของบริษัทจัดหาคู่ฟีโอเร่ที่โด่งดัง แต่ไม่ว่าเพื่อนรักจะให้คำแนะนำมาอย่างไร มันก็ไม่เคยใช้ได้ผลเลยสักครั้ง
“โทรไปหาแอชตันด้วยว่าให้เทขายหุ้นของนิคลาสฟู้ดส์ออกให้หมด ในราคาที่เคยคุยกันไว้”
“ได้ค่ะ ขายหมดเลยนะคะ”
“ใช่ มีอะไรเหรอ” มาร์เธียสมาหยุดยืนอยู่หน้าลิฟต์ส่วนตัว รอให้อันนาได้กดรหัสห้าเลขหมาย ประตูก็เปิดออก เขาเบี่ยงตัวให้เลขาฯ คนสวยได้เดินเข้าไปก่อน จากนั้นจึงเดินตาม มีเอเต้รั้งท้าย
“พอดีฉันแอบซื้อไว้นิดหน่อยค่ะ”หญิงสาวตอบเสียงหวาน หลังทำงานกับเขามาหกปี ทำให้เธอได้รู้ว่านอกจากชายหนุ่มจะบริหารงานของมาร์สโปรดักส์ได้อย่างยอดเยี่ยมแล้ว เขายังทำกำไรจากหุ้นในมือได้อีกอักโข เวลาที่เขาสั่งให้เธอติดต่อโบรกเกอร์เพื่อจัดการซื้อขาย เธอจึงแบ่งเงินส่วนหนึ่งจากเงินเดือนที่ได้ เอาไปซื้อตามแล้วก็พบว่ามันสามารถทำเงินให้เธอมากเช่นกัน
“ขายไป แล้วเอากำไรให้แอชตันไปช้อนซื้อมาร์ตินคอมเพลกซ์แทน รับรองว่าเงินในบัญชีของเธอจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วทันใจ” ร่างสูงบอกด้วยความมั่นใจหลังศึกษาเรียนรู้การซื้อขายหุ้นอีกแขนงเป็นการต่อยอดจากมาร์สโปรดักส์อีกชั้น
“พี่เชื่อว่าตัวเลขจะทำให้เธอพอใจ”
“ค่ะ ถ้าได้มาฉันก็จะเก็บไว้เป็นทุนไปเที่ยวเมืองไทย” อันนารับเสื้อโค้ทจากเจ้านายมาถือ จากนั้นจึงเดินไปแขวนยังราวด้านใน รวมทั้งของตัวเธอเอง เมื่ออุณหภูมิภายในห้องอบอุ่นเพราะเครื่องทำความร้อน จากนั้นเตรียมชงชากลิ่นโปรดให้กับเจ้านายของเธอ ซึ่งก่อนหน้านั้นมีแม่บ้านมาเตรียมน้ำร้อนไว้ให้เสร็จสรรพ
“ทำไมถึงอยากจะไปเมืองไทย”
“บ้านเกิดของฉันไงคะ” มือเรียวสวยจัดวางเอกสารบนโต๊ะทำงาน
“ถ้าอยากไป พี่ก็จะออกค่าตั๋วให้”
“ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณ ฉันยังไม่คิดจะไปตอนนี้ค่ะรอให้ว่างก่อน” บอกไปแบบนั้น แต่อันนาก็รู้ว่าเวลาว่างคงไม่มี เหมือนกับเจ้านายของเธอที่แทบจะไม่มีวันหยุด แม้แต่ช่วงคริสต์มาสบางปี เขาก็นัดเล่นสกีกับลูกค้าเพื่อเชื่อมสายป่านธุรกิจให้ยาวออกไป ทำให้เธอต้องตามไปดูแล ถึงแม้เขาจะอนุญาตให้หยุดตามกฎของบริษัทก็ตาม
“เธอไม่ต้องห่วงพี่หรอกนะ ถ้าอยากไปก็ให้ลาหนึ่งเดือนเลย ทางนี้เอเต้ก็น่าจะช่วยได้ ขอแค่บอกล่วงหน้าก็พอ”
“ขอบคุณค่ะ”อันนาวางถ้วยชากุหลาบบนโต๊ะ พร้อมสโคลกับแยมราสเบอร์รี่ของโปรดที่มาร์เธียสติดใจและยอมให้ใช้เป็นของว่างช่วงบ่ายสำหรับลูกค้าที่มาเจรจาเรื่องธุรกิจ
“ขอบใจ” มือหนายกแก้วชาขึ้นจิบโดยไม่ต้องเป่า เพราะมันมีอุณหภูมิที่พอเหมาะซึ่งเป็นการดีสำหรับเขาที่เวลาเป็นสิ่งมีค่ายิ่ง นัยน์ตาสีน้ำทะเลไล่อ่านเอกสารที่เลขาฯเตรียมไว้ให้อย่างสนใจ แต่ยังได้ยินหญิงสาวพูดคุยกับแอชตันทางโทรศัพท์ถึงเรื่องที่เขาสั่งให้จัดการ
“ฉันโทรบอกแอชตันเรียบร้อยแล้วนะคะ เขาชมพี่ใหญ่เลยว่ามองอะไรได้ขาดมากๆ งานนี้กำไรไม่รู้กี่เท่าตัว” เลขาฯ สาวบอกไปจากโต๊ะทำงานที่ตั้งอยู่ไม่ไกลกันหลังเธอวางโทรศัพท์ลงบนเครื่อง
“ก็สมควรจะชมหรอกนะ เพราะเขาก็ได้ค่าเหนื่อยจากพี่คุ้มเกินคุ้ม” คนพูดตวัดปากกาลงเซ็นบนเช็คสั่งจ่ายเข้ามูลนิธิเรเดียลเต้เป็นตัวเลขที่สูงทุกปี เขายกยิ้มมุมปากเมื่อรู้ที่มาของเงินการกุศลก้อนมหึมานี้ มันมีของเพื่อนรักสองคนที่ไม่ยอมออกสื่อรวมอยู่ด้วย แล้วให้เขาออกหน้าแทน
“จะสิ้นปีอีกแล้วนะคะ ถึงเวลาพี่ทำบุญอีกแล้ว” อันนาเอ่ยเสียงหวาน เธอเป็นคนตรวจทานเอกสารที่ผู้ช่วยเป็นคนจัดเตรียมส่งมาอีกที ตลอดสี่ปีที่ทำงานเป็นเลขาฯ ของเขา เธอเลยได้รู้ว่าเขาบริจาคเงินเข้ากองทุนเรเดียลเต้ปีละหลายล้านเหรียญ ยิ่งทำให้เธอชื่นชมเขามากขึ้นที่ว่าเขาไม่ได้คิดถึงผลประโยชน์ส่วนตัวเพียงอย่างเดียว ยังคืนกำไรสู่สังคมอีกด้วย
“พี่ตั้งใจจะทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ หรือเปล่าคะ”
“เอาแน่ไม่ได้หรอก แล้วแต่ผลกำไรที่ได้ในแต่ละปีของเงินที่ลงทุนไปในธุรกิจนั้นๆ” มาร์เธียสบอกตามความจริง เพราะถ้าปีนั้นขาดทุน เขาจะบริจาคครั้งละหลายล้านเหรียญได้อย่างไร
“แต่ฉันเชื่อว่าพี่ทำได้ค่ะ”
“ขอบใจ” มือหนาผลักแฟ้มเอกสารคืนให้เลขาฯ คนสวย ที่เขานึกชมว่าอันนามีความอดทนเป็นเลิศในการทำงาน ถึงแม้จะไม่ค่อยคล่องแต่ก็ขยันเรียนรู้จนเขาไว้วางใจได้ในระดับหนึ่ง ผิดกับหน้าตาที่ดูสวยแบบไร้เดียงสา รูปร่างก็อรชรอ้อนแอ้น ทำงานด้วยกันมาหกปีก็ไม่เคยเห็นจะบ่นว่าเขาใช้งานหนัก
“ค่ะ วันนี้สิบโมงพี่มีนัดเจรจากับมิสเตอร์หว่อง แล้วเที่ยงมีนัดทานข้าวกับคุณฟิลิปป์ที่ร้านคลาเรนซ์นะคะ”
“แค่นั้นเหรอ”มาร์เธียสถามย้ำให้แน่ใจ เพราะไม่อยากเชื่อว่าโปรแกรมการทำงานของเขาจะหยุดแค่ครึ่งวัน ใบหน้าคมเข้มจึงเงยหน้าขึ้นมองเลขาฯเพื่อเค้นหาความจริง
“มีอะไรมากกว่านั้นหรือเปล่า”
“วันนี้คุณสเตลลาเลี้ยงวันเกิดที่แกรนด์ วอลตัน โฮเทลค่ะ เธอส่งการ์ดเชิญมาเมื่อสามวันก่อน”
เจ้านายเลิกคิ้วแปลกใจพลางวางปากกาในมือลงเริ่มหงุดหงิดที่เลขาฯเอาแต่ยืนเม้มปากราวกับกำลังตัดสินใจบางอย่าง
“แล้วทำไมเพิ่งมาบอก”
“คือฉันคิดว่าพี่ควรพักผ่อน เพราะหลายเดือนแล้วที่พี่ไม่ได้หยุด แล้ววันนี้ตอนบ่ายก็ว่างฉันเลยคิดว่า..”
“แต่สเตลลาส่งการ์ดเชิญมาไม่ใช่เหรอ”มาร์เธียสถามดักคอขึ้น เขาจำได้ว่าสเตลลาเป็นเจ้าของธุรกิจจิวเวลลีที่รู้จักกันในงานเลี้ยงรับรองของสถานทูตฝรั่งเศส จากนั้นบริษัทของเขาได้งานที่บริษัทของสเตลลา ทำให้มีการพูดคุยมากขึ้น จึงมีการออกเดตเพื่อคุยเรื่องธุรกิจ แต่ก็ไม่มีอะไรมากกว่านั้นเพราะเขาต้องระวังตัวในเรื่องนี้
อันนาได้แต่รับคำ แทบไม่อยากจะหายใจกับสายตาตำหนิที่มองสบ อยากจะบอกออกไปนักว่าอย่าไปเลย เธออยากให้เขาพักผ่อนด้วยการกลับไปบ้าน หรือไปนั่งจิบชากุหลาบที่สวนหลังบ้านกับเธอมากกว่า
“เตรียมของขวัญไว้หรือยัง”
“เตรียมแล้วค่ะ”
“ดีแล้ว ตอบรับคำเชิญของสเตลลาไปด้วย”เจ้านายสั่งเสียงเรียบ
“ฉันไปด้วยใช่ไหมคะ”
“ไม่ เธอกลับบ้านได้ แค่นั้นแหละ”
อันนาได้แต่แอบถอนใจด้วยความกลัดกลุ้ม เพราะอยากจะตามชายหนุ่มไปที่งานด้วยเพื่อไม่ให้เขาเถลไถลไปไหนๆกับสาวคนอื่นอีก บอกตัวเองว่ากลัว กลัวว่าเขาจะไปชอบผู้หญิงคนอื่นที่ไม่ใช่เธอ และถ้ามันเป็นแบบนั้น เธอคงทนไม่ได้
“แล้วทีหลังก็อย่าตัดสินใจแทนพี่อีก สเตลลาเป็นลูกค้าที่ดีของบริษัท พี่ไม่ควรเพิกเฉยกับวันเกิดของเธอ”
“ขอโทษด้วยค่ะ”
“คำว่าขอโทษของเธอ พี่ขอซื้อได้ไหม เพราะรู้สึกว่ามันจะใช้บ่อยพร่ำเพรื่อโดยที่เธอไม่ค่อยปรับปรุงในเรื่องตัดสินใจโดยพลการ”
อันนาได้แต่กัดปากก้มหน้านิ่งเงียบด้วยความหนักใจ เพราะรู้ว่าเจ้านายของเธอเริ่มหงุดหงิดไม่พอใจ
“บอกตรงๆว่าพี่ไม่ชอบฟัง มันเหมือนพี่เป็นเจ้านายที่ดุ โหดร้าย ว่าอะไรนิดหน่อยเธอก็ขอโทษๆ” ร่างสูงบอกเสียงเรียบ
“แต่ฉันขอโทษเพราะรู้ตัวว่าทำผิดนะคะ”
“ถ้าอย่างนั้นพี่ควรจะขอโทษเธอแทนใช่ไหม”
เลขาฯคนสวยนึกอยากจะตบปากตัวเอง เพราะรู้สึกว่ายิ่งอธิบายก็ยิ่งจะทำให้ชายหนุ่มฉุนเฉียวมากขึ้น
“ถามทำไมไม่ตอบ”
“วันนี้พี่หงุดหงิดแต่เช้า”อันนาเฉไฉไปอีกเรื่อง
“เพราะเธอทำเกินหน้าที่” เจ้านายกระแทกเสียงใส่ พลางลุกไปยืนอยู่ตรงหน้าต่างที่เป็นกระจกสีชา มองออกไปเห็นตัวตึกอาคารสำนักงานต่างๆ ที่ผุดขึ้นราวดอกเห็ดในเขตเมืองใหม่ท่ามกลางละอองฝอยสีขาวโปรยปราย ไกลออกไปเห็นยอดเขาสูงของเรเดียลเต้เมาเท่นที่เริ่มมีหิมะจับหนา
“พี่รู้สึกว่าตัวเองพลาดนัดสำคัญหลายครั้งมาก โดยเฉพาะนัดกับผู้หญิง พี่คงไม่ได้คิดไปเองใช่ไหมว่าเธอกำลังทำตามคำสั่งของคุณแม่”
“คุณป้าไม่เกี่ยวนะคะ” หญิงสาวแก้ตัวแทนเอลลา ทูริพาโน จะว่าไปแล้ว เธอก็เหมือนทำให้ผู้อาวุโสผิดหวัง เพราะหกปีที่ผ่านมา เธอไม่สามารถทำให้มาร์เธียสหันมาสนใจเธอมากกว่างาน แต่คุณป้าเอลลาก็ยังไม่ยอมแพ้ ยุให้เธอสู้ต่อ แถมยังบอกเป็นนัยให้ด้วยว่าไม่ควรให้พี่มาร์เธียสของเธอได้เจอผู้หญิงอื่นนอกเหนือจากหน้าที่การงาน
“หรือว่าเธอคิดเอง แบบนั้นใช่ไหม”
อันนาอึกอักพูดไม่ออก เพราะจะว่าไปแล้วเธอก็คิดแบบนั้นจริง
“ถามแล้วเงียบแบบนี้ แสดงว่าเธอทำจริง ถามหน่อยเถอะเธอคิดอะไรอยู่”
“ฉันแค่อยากให้พี่ได้มีเวลาพักผ่อนบ้าง”
“แล้วถ้าผู้หญิงพวกนั้นเป็นเจ้าของธุรกิจที่อาจเอื้อผลประโยชน์ให้มาร์สโปรดักส์ล่ะ”
คำถามของมาร์เธียสทำให้อันนาแทบกลืนน้ำลายไม่ลง เพราะรู้สึกว่ากำลังโดนตำหนิอย่างรุนแรง
“เวลาพักผ่อนของพี่ก็คือการทำงาน ออกไปพูดคุยธุรกิจกับลูกค้าไม่ว่าจะหญิงหรือชาย เพราะฉะนั้นเธอไม่มีสิทธิ์มาคิดแทนพี่ว่างานไหนควรไปหรืองานไหนควรอยู่บ้าน แล้วก็บอกให้รู้ไว้ตรงนี้เลยว่าเราคุยกันด้วยเรื่องธุรกิจล้วนๆพี่ไม่ชอบยุ่งกับลูกค้าเพราะมันทำให้เสียเครดิต”
คนเป็นเลขาฯอยากจะถอนใจโล่งอก แต่ก็ยังทำไม่ได้เพราะเจ้านายของเธอยังเปรยมาให้ได้ยิน
“ส่วนเรื่องผู้หญิงยังไม่อยู่ในความคิดของพี่ เพราะอะไรรู้ไหม”ถามแล้วก็หันมาสบตารอจนอันนาได้แต่ถามอึกอักออกไป
“อะ อะไรเหรอคะ”
“เพราะผู้หญิงไม่เคยรักใครจริง ร้อยทั้งร้อย ต้องการแค่เงินมาปรนเปรอความสุข ถ้าลองไม่มีเงิน แม่คุณพวกนั้นก็ทิ้งหมด เพราะฉะนั้นโลกนี้ไม่มีรักแท้ พี่เชื่อว่าถ้าเรามีเงิน ผู้หญิงก็มา” มาร์เธียสบอกเสียงเข้ม เพราะเชื่ออย่างนั้นมาตลอดนับตั้งแต่วันที่ธุรกิจของครอบครัวล้มละลาย เขาหวังจะได้กำลังใจจากแคโรลีนคนรัก แต่พอเธอรู้ว่าเขากับครอบครัวมีหนี้สินต้องกอบกู้ คนรักของเขาก็ตีจากไปแต่งกับดิเอโก้เจ้าของบริษัทคาริฟกรุ๊ปคู่แข่งทางธุรกิจของมาร์สโปรดักส์ ทิ้งให้เขาต้องเจ็บแค้นกับความรักเพียงลำพัง ดีที่ยังมีเพื่อนรักสองคนเป็นกำลังใจ แล้วช่วยเหลือแบบไม่ออกนอกหน้าจนเขาลืมตาอ้าปากได้อีกครั้ง
“แต่เพราะพี่ยังไม่เจอรักแท้ ผู้หญิงไม่ได้เห็นแก่เงินทุกคนไปนะคะ”
ร่างสูงสง่าหัวเราะอยู่ในลำคอ พลางยกยิ้มมุมปากอย่างเยาะหยันกับคำพูดของหญิงสาวเมื่อวานซืน
“เพราะเธอยังไม่เคยเจ็บปวดเหมือนพี่ เธอถึงพูดแบบนี้ได้”
“ฉันเสียใจด้วยค่ะ จริงแล้วก็แค่จะบอกพี่ว่าผู้หญิงไม่ได้เลวร้ายไปหมดทุกคน”
“ก็จริง แต่ผู้หญิงที่ว่าก็คือแม่ของพี่กับคุณน้าโซเฟียรวมเธออีกคนด้วยก็ได้ นอกนั้นพี่เชื่อว่าทุกคนบูชาเงินเหมือนพระเจ้า”มาร์เธียสคิดแบบนั้น อันนาเป็นผู้หญิงที่ไม่เรียกร้อง อดทนทำงานโดยไม่เห็นแก่เหน็ดเหนื่อยจนเขานึกชมถึงความตั้งใจในการเรียนรู้งานอยู่บ่อยครั้ง แม้บางครั้งจะทำเกินหน้าที่ไปบ้าง เขาก็ถือว่าอันนาห่วงใยและจริงใจในการแสดงออกอย่างชัดเจน
“แต่พี่กำลังดูถูกผู้หญิงนะคะ”แม้อันนาจะภูมิใจว่าเขายกเว้นเธอเหนือผู้หญิงอีกหลายคน แต่ก็อดแย้งไม่ได้
“เพราะผู้หญิงทำให้พี่ต้องคิดแบบนี้”
เลขาฯสาวได้แต่นิ่งอึ้งเพราะไม่ว่าจะแก้ต่างอย่างไร ความรู้สึกของมาร์เธียสที่มีต่อผู้หญิงก็จะเป็นลบเสมอ นี่กระมังเขาถึงไม่เปิดใจรับใคร แม้แต่เธอที่ใกล้ชิดเขามาหกปีก็ยังมองไม่เห็น ยิ่งคิดก็ยิ่งเศร้า ขอบตาก็ร้อนผ่าวเพราะดูเหมือนว่าความรักในอดีตนั้นยังคงมีอิทธิพลต่อจิตใจของมาร์เธียส อย่างชัดเจน
“เธอคงผิดหวังในตัวพี่มากสินะ”
“ก็ค่ะ ฉันยอมรับว่าผิดหวังนิดหน่อย”เลขาฯเอ่ยเสียงเครือ เจ็บปวดกับความคิดในด้านลบที่มีต่อผู้หญิงของชายหนุ่ม
“ต้องขอโทษด้วยที่ทำให้ผิดหวัง”มาร์เธียสบอกเสียงเรียบแต่นึกผิดหวังที่หญิงสาวไม่เข้าใจในความหลังที่แสนเจ็บปวดของเขา
อันนากัดปากตนเองแน่นเพื่อเก็บกลั้นความน้อยเนื้อต่ำใจ เพราะไม่อาจพูดอะไรได้มากกว่าที่เป็นอยู่สิ่งที่ทำได้ก็คือหันหน้าหนีแล้วหมุนตัวจะเดินเข้าไปยังห้องด้านใน แต่มือหนาก็รั้งต้นแขนเอาไว้แน่น
“เธอโกรธพี่มากใช่ไหม”
“ปะ เปล่าค่ะ”
“อย่าปฏิเสธเลย พี่รู้นะว่าเธอไม่พอใจหลายๆเรื่อง” มาร์เธียสจับต้นแขนสองข้างเอาไว้ นึกหงุดหงิดกับหญิงสาวที่แม้จะไม่พูดอะไรออกมา แต่ดวงตาสีดำกลับเต็มไปด้วยคำตัดพ้อต่อว่า แถมยังกัดปากแน่นทำเสมือนว่ากลัวจะผุดคำผรุสวาทออกมาให้เขาได้ยิน
“ฉันเพิ่งรู้ว่าพี่เก่งในเรื่องอ่านใจคนอีกด้วย”หญิงสาวเถียงออกไปอย่างเหลืออด แม้จะหวาดกลัวกับแววตาคมกล้าที่ดูจะแข็งกร้าวกว่าทุกวันก็ตาม
“ก็หรือไม่จริง พี่รู้ว่าเธอพยายามกันผู้หญิงหลายคนออกจากชีวิตพี่ เพราะเธอกลัวว่าพี่จะให้ความสำคัญผู้หญิงพวกนั้นมากกว่าเธอ แต่เธอสบายใจได้เพราะยังไงพี่ก็ยังให้คะแนนติดลบผู้หญิงเป็นศูนย์เสมอ”
“เป็นเพราะพี่ยังไม่ลืมแคโรลีนมากกว่ามั้งคะ”อันนาเผลอพูดออกไป เพราะคิดว่าที่เขามองผู้หญิงในแง่ลบนั้นเป็นเพราะยังไม่ลืมอดีตคนรัก
มาร์เธียสโกรธจนเขาเผลอตัวบีบแขนอันนาอย่างแรง พลางพูดใส่หน้าเสียงห้วน
“อย่ามายุ่งกับเรื่องของพี่”