ดอกไม้งาม น้ำชาดี ดนตรีไพเราะ อาหาร ขนมหวานทุกจานอร่อย

โรงน้ำชาบุปผาพราวพร่าง - ตอนที่ 12 เป็นรูปเป็นร่าง โดย มู่จิ่น 木槿 @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ปลูกผัก,เกิดใหม่,ครอบครัว,จีน,รัก,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

โรงน้ำชาบุปผาพราวพร่าง

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ปลูกผัก,เกิดใหม่,ครอบครัว,จีน,รัก

แท็คที่เกี่ยวข้อง

รายละเอียด

โรงน้ำชาบุปผาพราวพร่าง โดย มู่จิ่น 木槿 @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ดอกไม้งาม น้ำชาดี ดนตรีไพเราะ อาหาร ขนมหวานทุกจานอร่อย

ผู้แต่ง

มู่จิ่น 木槿

เรื่องย่อ

ชีวิตเก่าแม้จะไม่อาจเรียกได้ว่าสบายแต่ก็ไม่เคยลำบากเข้าถึงขั้นยากจนข้นแค้น ฟางข้าวเป็นเพียงหญิงสาวที่ใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อยมีงานหลักคือเรียนหนังสือและมีงานอดิเรกเป็นการแบมือขอเงินพ่อแม่ใช้จ่ายไปวันๆ แต่ก็ยังดีที่เจ้าตัวยังช่วยเหลืองานของที่บ้านเพียงแค่ติดจะขี้เกียจเล็กน้อยถึงปานกลางเท่านั้นต้องใช้ระบบคำสั่งถึงจะยอมขยับตัวออกห่างจากเว็บอ่านนิยายออนไลน์และเกมปลูกผักที่เจ้าตัวติดหนึบติดหนับ

แต่เมื่อบังเอิญถูกรถชนตายและได้มาเกิดใหม่โดยไม่ทันได้ตั้งตัวชีวิตนี้กลับต้องมาลำบากคล้ายกับถูกสวรรค์ลงทัณฑ์ให้ผ่านด่านเคราะห์ทั้งต้องผจญกับหมู่มารที่มาในรูปแบบของญาติพี่น้อง อีกทั้งยั้งต้องดิ้นรนเพื่อช่วยบิดา มารดากอบกู้กิจการเดียวที่มีของครอบครัวคือโรงน้ำชาเล็กๆ ให้สามารถยืนหยัดต่อไปได้

 

หมายเหตุ นิยายเรื่องนี้ไม่อิงประวัติศาสตร์ไม่ว่าจะ สถานที่ เหตุการณ์ หรือตัวบุคคลในเรื่องล้วนเกิดจากจินตนาการของผู้เขียนทั้งสิ้นค่ะ

สารบัญ

โรงน้ำชาบุปผาพราวพร่าง-ตอนที่ 1 ลอบวางเพลิง,โรงน้ำชาบุปผาพราวพร่าง-ตอนที่ 2 ฟางข้าว,โรงน้ำชาบุปผาพราวพร่าง-ตอนที่ 3 ตั้งสติ,โรงน้ำชาบุปผาพราวพร่าง-ตอนที่ 4 ชีวิตใหม่,โรงน้ำชาบุปผาพราวพร่าง-ตอนที่ 5 การรักษาและบำรุงร่างกาย,โรงน้ำชาบุปผาพราวพร่าง-ตอนที่ 6 ยาพิษ,โรงน้ำชาบุปผาพราวพร่าง-ตอนที่ 7 จะกอบกู้ร้านชาด้วยมือของข้าเอง,โรงน้ำชาบุปผาพราวพร่าง-ตอนที่ 8 หาทุนสร้างโรงน้ำชา,โรงน้ำชาบุปผาพราวพร่าง-ตอนที่ 9 ในป่าล้วนมีแต่ของดี,โรงน้ำชาบุปผาพราวพร่าง-ตอนที่ 10 พบเจอคนที่ไม่อยากเจอ,โรงน้ำชาบุปผาพราวพร่าง-ตอนที่ 11 คนงานใหม่,โรงน้ำชาบุปผาพราวพร่าง-ตอนที่ 12 เป็นรูปเป็นร่าง,โรงน้ำชาบุปผาพราวพร่าง-ตอนที่ 13 โค้งสุดท้าย,โรงน้ำชาบุปผาพราวพร่าง-ตอนที่ 14 ฤกษ์ยามมงคล,โรงน้ำชาบุปผาพราวพร่าง-ตอนที่ 15 อยู่ดีไม่ว่าดี,โรงน้ำชาบุปผาพราวพร่าง-ตอนที่ 16 ขายหน้า,โรงน้ำชาบุปผาพราวพร่าง-ตอนที่ 17 ร้านขายยาสมุนไพรสกุลฝูสาขาสอง,โรงน้ำชาบุปผาพราวพร่าง-ตอนที่ 18 การเติบโต,โรงน้ำชาบุปผาพราวพร่าง-ตอนที่ 19 ข่าวลือ,โรงน้ำชาบุปผาพราวพร่าง-ตอนที่ 20 ของขวัญ,โรงน้ำชาบุปผาพราวพร่าง-ตอนที่ 21 ท่านหมอผู้โปรดปรานการดื่มชา,โรงน้ำชาบุปผาพราวพร่าง-ตอนที่ 22 ครอบครัวข้าใครก็แตะต้องมิได้,โรงน้ำชาบุปผาพราวพร่าง-ตอนที่ 23 ขอบคุณจากใจ,โรงน้ำชาบุปผาพราวพร่าง-ตอนที่ 24 ความห่วงใย,โรงน้ำชาบุปผาพราวพร่าง-ตอนที่ 25 หัวใจของฟางเอ๋อร์,โรงน้ำชาบุปผาพราวพร่าง-ตอนที่ 26 รางวัลของคนขยัน,โรงน้ำชาบุปผาพราวพร่าง-ตอนที่ 27 มีแต่เรื่องที่น่ายินดี,โรงน้ำชาบุปผาพราวพร่าง-ตอนที่ 28 เจ้าอยากแต่งงานตอนไหน,โรงน้ำชาบุปผาพราวพร่าง-ตอนที่ 29 มั่งคั่งร่ำรวย,โรงน้ำชาบุปผาพราวพร่าง-ตอนที่ 30 ความสุขของฟางเอ๋อร์ (จบ)

เนื้อหา

ตอนที่ 12 เป็นรูปเป็นร่าง

เมื่อมีคนงานมาช่วยงานแล้วโรงน้ำชาของสกุลหยวนก็เริ่มเห็นเป็นรูปเป็นร่างได้รวดเร็วขึ้นมากโดยสิ่งที่เห็นเด่นชัดเลยก็คืองานในสวนที่ท่านลุงพาคนงานที่มีวรยุทธ์ขึ้นเขาไปเก็บต้นกล้าผลไม้และขุดต้นชามาเพิ่มจนสามารถนำมาปลูกเสริมเป็นแนวรั้วเพื่อบังสายตาลูกค้าจากส่วนของบ้านพักคนงานได้อีกชั้นหนึ่งแล้ว

ส่วนเรื่องศาลารอบสระบัวที่ตอนแรกจะสร้างขึ้นภายหลังเพราะรอให้ได้รับผลกำไรจากการเปิดโรงน้ำชาช่วงแรกไปก่อนแต่หลังจากที่หยวนเยี่ยนฟางจัดการแบ่งสันปันส่วนเงินที่ได้จากการขายเห็ดหลินจือเป็นสัดส่วนก็มีเงินพอให้ใช้สร้างศาลารอบสระบัวและสั่งเครื่องเรือนชั้นดีเพิ่มเพื่อมาใช้ตกแต่งภายในโรงน้ำชาโดยไม่ต้องคิดเสียดายเงิน

ที่สำคัญการสร้างศาลาริมสระบัวนั้นก็ไม่ต้องจ้างช่างไม้ให้ต้องเสียเงินเพิ่มเพราะคนงานใหม่นั้นล้วนมีฝีมือทางงานช่างและการเกษตรจึงสามารถสร้างศาลาออกมาได้สวยงามถูกใจของหยวนเยี่ยนฟางยิ่งนักในตอนนี้ก็เหลือเพียงแค่ไปเก็บดอกกล้วยไม้ป่าและขุดกุหลาบป่ามาปลูกตกแต่งศาลาเพิ่มเติมก็จะสวยงามสมบูรณ์แบบแล้ว

กล่าวย้อนไปถึงเรื่องการแบ่งเงินจากการขายเห็ดหลินจือให้คนในครอบครัวแน่นอนว่าทั้งท่านยาย ท่านตารวมไปถึงท่านลุงท่านน้าทุกคนล้วนแต่ปฏิเสธแต่เมื่อหยวนเยี่ยนฟางบอกว่านางตั้งใจมอบให้เผื่อว่าท่านลุงและท่านน้าจะเก็บไว้ให้พี่ชายพี่สาวเมื่อในยามออกเรือนทุกคนก็ดูจะคล้อยตามเห็นดีเห็นงามไปด้วย จะมีแต่ท่านอาเล็กที่ยังไม่มีครอบครัวนี่แหละที่ยังคงยืนกรานปฏิเสธเสียงแข็งเด็กหญิงจึงต้องบอกว่าตั้งใจให้ท่านน้าเก็บไว้เป็นเงินสินสอดขอน้าสะใภ้มาให้นางเขาจึงจำใจยอมรับไปแบบงงๆ

แม้ในยามนี้สกุลหยวนนั้นมีเงินในเรือนมากพอจนสามารถเรียกได้ว่าเป็นเศรษฐีแต่ทุกคนในครอบครัวก็ยังตั้งหน้าตั้งตาทำงานโดยมีเป้าหมายอยู่ที่เปิดโรงน้ำชาสกุลหยวนให้มีชื่อเสียงเลื่องลือไปไกลถึงเมืองข้างเคียงไม่ใช่มีชื่อเสียงแค่เพียงเขตเมืองหลวงเท่านั้น

“คุณหนูเยี่ยนฟางต้องการดอกกล้วยไม้ป่าและดอกกุหลาบป่ามาตกแต่งศาลาเพิ่ม ในวันพรุ่งนี้ข้าจะขออนุญาตนายท่านพาพวกเราครึ่งหนึ่งเข้าไปในป่าส่วนอีกครึ่งหนึ่งก็อยู่สร้างศาลาต่อกันก็แล้วกันนะ” อี้โปที่นับได้ว่าเป็นพี่ใหญ่ของกลุ่มคนงานสกุลอี้หารือกับน้องๆ ร่วมสาบานของตนระหว่างที่กำลังสร้างศาลาริมสระบัวกันอยู่ซึ่งในตอนนี้ก็สร้างเสร็จไปถึงเจ็ดส่วนแล้วเหลืออีกสามหลังก็จะได้ศาลาครบตามที่คุณหนูต้องการแล้ว

แต่การสร้างศาลาจากไม้เนื้อดีใช่ว่าสร้างเสร็จแล้วมันจะสมบูรณ์แต่ยังต้องตกแต่งด้วยดอกกล้วยไม้ป่าและดอกกุหลาบป่าซึ่งครั้งก่อนที่นายท่านทั้งหลายเข้าป่าไปหาเก็บมาด้วยตนเองนั้นมันยังคงไม่เพียงพอพวกเขาที่มีวรยุทธ์จึงตั้งใจอาสาไปเก็บมาให้ด้วยตนเองเพราะถ้าหากเข้าไปยังป่าชั้นกลางที่ติดกับเขตป่าชั้นในน่าจะพบกล้วยไม้หรือว่าดอกกุหลาบป่าสีสันแปลกตาสวยงามมากกว่าที่พบในเขตป่าชั้นนอก

“คงต้องเก็บมาให้มากหน่อยไม่อยากเชื่อว่าศาลาไม้ธรรมดาแต่เมื่อนำดอกไม้มาประดับตกแต่งจะงดงามมากขึ้นถึงเพียงนี้ข้าไม่เคยเห็นโรงน้ำชาที่ไหนจะตกแต่งได้สวยงามและมีเอกลักษณ์เท่าที่นี่มาก่อนเลย” อี้ฟานพี่รองของกลุ่มกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ไม่ปิดบังในความชื่นชมนายท่านของตนเอง ดูจากภายนอกเรือนสกุลหยวนแม้จะไม่ได้ใหญ่โตแต่สิ่งที่นายท่านและคุณหนูคุณชายนั้นคิดริเริ่มทำล้วนแต่มีความเป็นเอกลักษณ์ที่แตกต่างไม่ซ้ำใครจนพี่น้องสกุลอี้แทบจะอดใจรอให้ถึงวันที่โรงน้ำชาเปิดให้บริการไม่ไหวแล้ว

“รอให้เจ้าได้เห็นหมอนอิงและเบาะรองนั่งที่คนงานสตรีกำลังเย็บปักกันอยู่ก่อนเถิดวันก่อนข้านำฝ้ายเข้าไปให้ฮูหยินผู้เฒ่ามาได้มีโอกาสเห็นหมอนอิงที่ปักสำเร็จวางอยู่มันงดงามจนข้าแทบจะลืมหายใจพอถามไถ่เอากับคนงานหญิงก็ได้รู้ว่าคุณหนูเยี่ยนฟางนางเป็นคนคิดและออกแบบลายปักผ้าทั้งหมดด้วยตนเอง ศาลาริมสระบัวมีทั้งหมดสิบหลังนางก็คิดลายปักออกมาใหม่สิบลายนี่ยังไม่นับหมอนอิงในห้องน้ำชาส่วนตัวอีกนะ” อี้โปกล่าวไปยิ้มไปในใจก็นึกนับถือดรุณีน้อยผู้นี้ที่ยังไม่ถึงวัยปักปิ่นแต่ความรู้และความสามารถอีกทั้งความฉลาดเฉลียวมีมากกว่าฮูหยินในจวนขุนนางเสียอีก

“ท่านลุง ท่านน้าเจ้าคะพักกินอาหารว่างกันก่อนเถิดเจ้าค่ะวันนี้ข้าหัดทำขนมชนิดใหม่มันเรียกว่าข้าวเหนียวเปียกลำไยรสชาติหวานๆ กินตอนยังอุ่นๆ ก็อร่อยแต่กินหากตอนคลายร้อนแล้วก็ยังมีรสชาติดีไม่แพ้กัน” เพิ่งชื่นชมคุณหนูหยวนเยี่ยนฟางไปได้ไม่เท่าไหร่นางก็มาปรากฏตัวพร้อมกับคุณหนูหยวนลี่ซือโดยมีคนงานหญิงเดินถือหม้อขนมหวานและชามตามหลังมาติดๆ

“ขอบคุณขอรับคุณหนู วันพรุ่งนี้ข้าตั้งใจจะขออนุญาตนายท่านใหญ่ไปเก็บกล้วยไม้และขุดกุหลาบป่าไม่ทราบว่าคุณหนูทั้งสองอยากจะได้ดอกไม้อะไรเพิ่มเติมอีกหรือไม่ขอรับ” แม้จะยังไม่ได้ขออนุญาตหยวนจ้านแต่ก็สามารถบอกกล่าวกับคุณหนูก่อนได้เพราะพวกเขาจะเข้าไปเพื่อหาดอกไม้มาตกแต่งศาลาเพิ่มไม่ว่าจะช้าหรือเร็วอย่างไรก็ต้องได้เข้าป่ากันอยู่แล้ว

“ข้าไม่ต้องการอะไรเจ้าค่ะขอบคุณท่านลุงมากแต่เชื่อเถอะว่าฟางเอ๋อร์ยังต้องการดอกไม้อีกมากแน่นอน”

“พี่ลี่ซือพูดถูกต้องแล้วเจ้าค่ะข้ายังต้องการกล้วยไม้และกุหลาบป่าอีกมากและถ้าพวกท่านเจอต้นกล้าผลไม้ป่าอย่างอิงเถาหรือว่าผลผิงกั่วก็ขุดกลับมาให้ข้าด้วยนะเจ้าคะหลังจากนี้ข้าตั้งใจทำผลไม้กวนเอาไว้กินกับแป้งย่างกรอบ มันเป็นขนมชนิดใหม่เมื่อได้กินกับน้ำชาจะอร่อยยิ่งนัก อ้อ มีดอกเก๊กฮวยป่าด้วยมันมีทั้งดอกสีเหลืองและสีขาวท่านขุดต้นมันมาได้ทั้งสองชนิดเลยนะเจ้าคะ”

หยวนเยี่ยนฟางอ่านในตำราสมุนไพรมานางพบว่ามีชาที่เรียกว่าชาเก๊กฮวยจักรพรรดิที่น่าสนใจมากอีกทั้งสรรพคุณและชื่อของชาก็ฟังดูเป็นมงคลนางจึงต้องการที่จะผลิตชาชนิดนี้ออกมาให้ได้เพื่อที่จะได้ใช้เป็นตัวเลือกให้ลูกค้าของโรงน้ำชาสกุลหยวนได้ลิ้มลอง

“ได้เลยขอรับคุณหนูพวกข้าจะหาขุดมาให้ได้ขอรับ” หลังจากพูดคุยและแวะดูความเรียบร้อยของศาลาไม้จนพอใจแล้วหยวนเยี่ยนฟางและหยวนลี่ซือก็กลับไปช่วยกันทำงานที่โรงครัวใหญ่ต่อโดยในตอนนี้ทั้งสองคนกำลังสนุกอยู่กับการฝึกทำขนมตามสูตรต่างๆ รวมถึงของว่างและอาหารกินเล่นที่เหมาะกับการใช้กินคู่กับน้ำชาอีกด้วย

ขนมที่ทดลองทำและได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากคนในครอบครัวมีหลายชนิดแล้วทั้งขนมบุปผาที่เปลี่ยนชื่อมาจากขนมช่อผกากรองอีกทั้งยังมีหลากหลายไส้ทั้งไส้มันหวาน ไส้เผือก ไส้ถั่วแดง ถั่วดำและถั่วเขียว ขนมไหว้พระจันทร์ที่สั่งทำพิมพ์รูปดอกไม้มาเป็นพิเศษมีไส้ถั่ว ไส้ถั่วฟักเชื่อมและไส้งาผสมน้ำผึ้ง ส่วนของกินเล่นอย่างแป้งทอดหน้าหมู แป้งทอดหน้ากุ้งที่ใช้แผ่นแป้งอบมาทำแทนตัวขนมปังและเปาะเปี๊ยะทอดไส้ผักและเห็ดก็ล้วนแต่ได้รับคำชมเป็นอย่างมาก

“ท่านยายเจ้าขา ท่านยายทำบ๊ะจ่างเป็นหรือไม่เจ้าคะ” มีอาหารชนิดหนึ่งที่หยวนเยี่ยนฟางจำได้ว่านางชอบกินมากแต่มันหากินยากเนื่องจากจะทำขึ้นมาในช่วงเทศกาลแต่ที่สำคัญคือนางก็ทำไม่เป็นจึงต้องมาถามเอากับท่านยาย

“ยายทำเป็นแค่กี่จ่างส่วนบ๊ะจ่างยายไม่ถนัดเลยฟางเอ๋อร์เพราะมันมีขั้นตอนหลายอย่างแต่ถ้าหลานอยากทำเรามาหัดไปพร้อมๆ กันดีไหม” ผู้อาวุโสระบายยิ้มอ่อนโยนให้หลานสาวซึ่งแม้ตัวนางจะไม่ถนัดเรื่องการทำบ๊ะจ่างแต่ก็พอที่จะทราบส่วนผสมของมันอยู่ถ้าจะให้ทดลองหัดทำก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องที่ยากลำบากเท่าไหร่

“เสียมารยาทแล้วเจ้าค่ะฮูหยินผู้เฒ่า คุณหนูเยี่ยนฟางหากพวกท่านต้องการทำบ๊ะจ่างข้าสามารถช่วยได้นะเจ้าคะหากในครัวมีวัตถุดิบที่สำคัญๆ อยู่แม้อาจจะไม่ครบแต่ก็สามารถทำได้” ท่านป้าเถียนที่ตอนนี้มีหน้าที่หลักคือดูแลเรื่องปากท้องของคนสกุลหยวนเคยเป็นแม่ครัวในจวนขุนนางมาก่อนนางจึงมีความรู้เรื่องอาหารค่อนข้างจะแตกฉานนับว่าเป็นคลังความรู้ที่มีชีวิตของหยวนเยี่ยนฟางเลยก็ว่าได้

“ข้าอยากทำเจ้าค่ะท่านป้า เรามาทดลองทำกันเลยได้ไหมเจ้าคะพรุ่งนี้พวกท่านลุงอี้โปจะเข้าป่าไปหาขุดดอกไม้ให้ข้าด้วยจะได้ถือโอกาสใช้เป็นเสบียงให้พวกเขาด้วยเลย” ตอนนี้เป็นเวลายามเว่ยหากต้องการจะทำบ๊ะจ่างก็ยังคงพอมีเวลาอยู่เมื่อเห็นว่าท่านยายพยักหน้าเป็นการอนุญาตก็คว้าสมุดบันทึกและแท่งถ่านขึ้นมาจดสูตรตามที่ป้าเถียนบอกในทันที

บ๊ะจ่างสูตรเร่งรัดใช้วัตถุดิบที่หาได้ในครัวเรือนมีส่วนผสมหลักๆ คือข้าวเหนียว ถั่วลิสง เนื้อหมูรมควันและเห็ดหอมซึ่งนอกจากจะใช้วัตถุดิบที่มีอยู่ในครัวแล้วยังต้องให้คนงานหญิงออกไปเก็บใบไผ่ที่ท้ายเรือนมาให้อีกด้วย

แม้จะเป็นการทดลองแต่หยวนเยี่ยนฟางก็ตั้งใจทำให้เพียงพอกับจำนวนของคนที่มีอยู่ในเรือนนอกจากกลุ่มคนงานที่จะเข้าป่าพรุ่งนี้แล้วคนงานในเรือนก็ควรจะได้ชิมของอร่อยไปพร้อมๆ กัน ซึ่งน้ำใจที่หยวนเยี่ยนฟางมีให้คนงานแบบเท่าเทียมกันนั้นยิ่งทำให้พวกเขายิ่งตั้งใจที่จะทำงานให้กับสกุลหยวนด้วยความซื่อสัตย์และขยันขันแข็ง

วันรุ่งขึ้นหลังจากรับเสบียงจากโรงครัวที่ประกอบไปด้วยบ๊ะจ่าง แป้งอบและเนื้อหมูรมควันแล้วคนงานทั้งห้าคนก็รีบออกเดินทางกันอย่างรีบเร่งโดยพวกเขาจะค้างคืนในป่ากันหนึ่งคืนจึงต้องเตรียมไปทั้งน้ำ อาหารและอาวุธแต่ใครจะรู้ว่ากลุ่มของอี้โปจะโชคดีนอกจากจะขุดดอกกุหลาบป่าและเก็บกล้วยไม่สวยๆ แปลกๆ กลับมาได้หลายสิบต้นแล้วพวกเขายังแบกหมูป่าตัวโตเต็มไวและอุ้มลูกๆ ของมันกลับมาที่เรือนสกุลหยวนได้อีกตั้งสามตัว

“แม่หมูเหมือนว่าจะถูกสัตว์ใหญ่ทำร้ายจนบาดเจ็บมาขอรับมิเช่นนั้นพวกเราคงไม่สามารถจัดการมันได้โดยง่ายเพราะปกติแล้วนิสัยของหมูป่าแม่ลูกอ่อนจะดุร้ายมากเพราะว่ามันหวงลูก” อี้โปเล่าให้คุณชายและคุณหนูที่สนใจหมูป่าตัวโตและลูกๆ ของมันฟังถึงที่มาที่ไปในการล่าหมูป่าในครั้งนี้

“แล้ว แล้วเลาเลี้ยงไว้ได้ไหมขอยับ” เป็นหยวนเฉินอวี้ที่หันไปถามบิดาด้วยท่าทางน่ารักทำเอาทุกคนที่มองเห็นนั้นแทบจะวิ่งไปสร้างคอกหมูให้คุณชายน้อยแทบจะทันที

“หมูป่าเป็นสัตว์ดุร้ายมากเลยนะเฉินอวี้ตอนยังเล็กมันอาจจะน่ารักแต่เมื่อมันโตเต็มวัยแล้วเจ้าไม่สามารถเข้าใกล้มันได้เลยเพราะว่ามันอันตรายมาก แต่จะเอาไปปล่อยเข้าป่าพวกมันก็คงไม่รอดเพราะยังเล็กนักอีกทั้งไม่มีแม่ปกป้องแล้วเอาเป็นว่าเลี้ยงพวกมันไว้ในสวนท้ายที่ดินโรงน้ำชาก่อนก็ได้ ต้องเหนื่อยเจ้าและนะอี้โป” สงสารลูกชายก็สงสารส่วนกับลูกหมูก็เวทนาที่พวกมันไม่มีมารดาดูแลหยวนตงหยางจึงอนุญาตให้เลี้ยงพวกมันเอาไว้เชื่อว่าหลังจากนี้เจ้าลูกหมูทั้งสามจะได้มีชีวิตอยู่ไปจนสิ้นอายุขัยไม่มีใครกล้าเชือดพวกมันมาทำอาหารกินอย่างแน่นอน