จากอัลฟ่ากลิ่นมหาสมุทรกลายพันธ์เป็นโอเมก้าไร้กลิ่นเมลวิน คาร์ไมน์กลายเป็นคนไร้ค่าในสายตาของใครๆจึงถูกขับไล่ไสส่ง สู่อุ้งมือของนายพลมิลฟอร์ดผู้มากล้นด้วยอำนาจ
        ชาย-ชาย,โอเมกาเวิร์ส,รัก,ดราม่า,นิยายวาย,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี,  นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
        
        
      
          
            
        
          
              จากอัลฟ่ากลิ่นมหาสมุทรกลายพันธ์เป็นโอเมก้าไร้กลิ่นเมลวิน คาร์ไมน์กลายเป็นคนไร้ค่าในสายตาของใครๆจึงถูกขับไล่ไสส่ง สู่อุ้งมือของนายพลมิลฟอร์ดผู้มากล้นด้วยอำนาจ
          
          ผู้แต่ง
          earlymoon
          เรื่องย่อ
          
              'ไม่ต้องมอบหัวใจให้ฉันก็ได้ แต่อย่ายกหัวใจนายให้ใคร
ส่วนหัวใจของฉัน ขอวางไว้บนมือนาย
ให้อยู่ในกำมือนาย แล้วแต่นายจะบัญชา'
 
 
✦ เมลวิน คาร์ไมน์ ✦
จากอัลฟ่ากลิ่นมหาสมุทรกลายพันธ์เป็นโอเมก้าไร้กลิ่น
เมลวิน คาร์ไมน์กลายเป็นคนไร้ค่าในสายตาของใครๆ
จึงถูกขับไล่ไสส่ง สู่อุ้งมือของนายพลมิลฟอร์ดผู้มากล้นด้วยอำนาจ
 
✦ วาดิม มิลฟอร์ด ✦
ผู้บัญชาการทหารสูงสุดแห่งเอสเทลล์
อัลฟ่ากลิ่นไม้โอ๊กรับเมลวินมาไว้ในความดูแลเพียงเพราะผลประโยชน์
เขาไม่คิดจะยกย่องเทิดทูนอีกฝ่าย เห็นเป็นแค่นายบำเรอเท่านั้น
          
       
      
          กว่าเมลวินจะเก็บกวาดทำความสะอาดทั้งในตัวบ้านและนอกบ้านจนเสร็จเรียบร้อยก็ค่ำมากแล้ว พื้นที่โดยรอบภายใต้อาณาเขตตระกูลคาร์ไมน์ถูกปกคลุมไปด้วยความมืด แม้มีแสงจากโคมไฟตามทางเดินและริมรั้วให้ความสว่างแต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก อาจเพราะคืนนี้มีเมฆดำทะมึนก่อตัว กลบแสงจันทร์และแสงดาวไปจนสิ้น 
 อดีตอัลฟ่าทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาแข็ง ๆ ในห้องรับแขกด้วยความเหนื่อยล้า เงยหน้าพาดท้ายทอยกับขอบด้านบนของพนักโซฟา เหม่อมองเพดานเก่าซีดกับโคมไฟระย้าหม่นแสงที่แขวนอยู่กลางเพดานซึ่งกะพริบปริบ ๆ เป็นบางครั้งคราวมาหลายวันแล้ว อีกไม่ถึงเดือนมันคงหมดสภาพ ต้องปลดประจำการแล้วหาโคมไฟตัวใหม่มาแทน หรือถ้าซ่อมไหวก็คงต้องกัดฟันจ่ายเงินซ่อมสักหน่อย หรือบางที...หากไปขอร้องคุณลุงโบรดี้คนสวนประจำคฤหาสน์ เขาอาจจะใจดีช่วยซ่อมให้ก็ได้
 
 เมลวินทอดถอนใจเมื่อคิดว่าหากเป็นเมื่อก่อน โคมไฟตัวนี้คงถูกเปลี่ยนเสียนานแล้วโดยที่เขาไม่จำเป็นต้องเอ่ยปากร้องขอผู้ใดแม้แต่นิดเดียว จริงอยู่ที่เขาคุ้นชินกับการใช้ชีวิตเช่นนี้แล้วแต่บางชั่วขณะก็อดนึกถึงชีวิตแสนสุขสบายในวันวานที่ผ่านมาไม่ได้ ความคิดถึงย้อนไปไกลถึงผู้เป็นแม่ทำให้ยิ่งเศร้าใจหนักกว่าเดิม ใบหน้าเปียกชุ่มเหงื่อซีดสลดลงเป็นลำดับ เปลือกตาบางปิดลงอย่างช้า ๆ เพื่อไม่ให้น้ำตาหลั่งริน
 
 ลูกผู้ชายต้องไม่ร้องไห้...เขาบอกตัวเองเช่นนั้นเสมอมาตั้งแต่วันที่แม่จากไป แต่ก็ทำไม่เคยได้สักที ยามนี้น้ำตาหยดหนึ่งกำลังจะหยาดหยดลงมาทางปลายหางตา เขารีบยกหลังมือเช็ดออกโดยเร็ว สูดจมูกแรง ๆ เสียทีหนึ่งก่อนจะตบแก้มตัวเองเบา ๆ เพื่อขับไล่ความโศกเศร้าและฟุ้งซ่านจากนั้นจึงลุกยืน ตั้งใจจะไปอาบน้ำแล้วค่อยทำอาหารง่าย ๆ สำหรับเย็นวันนี้
 
 ทว่าเท้าข้างหนึ่งที่เพิ่งก้าวออกไปชะงักทันควันเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าและเสียงสนทนาไม่เบานักดังแว่วเข้ามา หัวคิ้วของเมลวินขมวดเข้าหากันอย่างนึกสงสัย เรือนหลังนี้แทบไม่เคยมีใครมาเยือน ยิ่งเป็นเวลาดึกดื่นเช่นนี้ด้วยแล้ว ย่อมไม่มีทางที่จะมีคนมาหาเขา
 
 เขามั่นใจว่าไม่ใช่ฟาเบียสผู้เป็นพ่อ ไม่ใช่มาร์คผู้เป็นพี่ชายและไม่ใช่มิมผู้เป็นพี่สาว เพราะกลิ่นอัลฟ่าจากทั้งสามคนคงลอยมาก่อนตัว แต่จะเป็นใครนั้น เขาไม่แน่ใจนัก หากจมูกของเขาไม่ได้ทำงานผิดเพี้ยนไป คนที่ยืนอยู่หน้าประตูของเขาคงเป็นใครสักคนที่มีเพศรองเป็นเบต้าเพราะเขาไม่ได้กลิ่นฟีโรโมนใด ๆ เลยแม้แต่นิดเดียว
 
 อดีตอัลฟ่าที่เคยมีร่างกายแข็งแกร่งและฝึกศิลปะการต่อสู้ให้พอมีทักษะเหลียวหาอาวุธที่พอจะใช้ได้ หากยังไม่ทันคว้าสิ่งใด สุ้มเสียงคุ้นหูก็ดังขึ้นมาเสียก่อน
 
 “เมล...เมลวิน อยู่หรือเปล่าจ๊ะ เปิดประตูให้หน่อยสิ”
 
 ลอเรนน่ะเอง...เมลวินถอนหายใจอย่างโล่งอก ถึงแม้เขาจะเคยเรียนการต่อสู้และแม้จะเป็นบุรุษอกสามศอกแต่ไม่เคยต่อยตีกับใครมาก่อน หากต้องสู้กับคนร้ายจริง ๆ คงย่ำแย่เป็นแน่ เปอร์เซ็นต์ที่จะชนะเรียกได้ว่าเป็นศูนย์ โชคดีแล้วที่ไม่ต้องจับอาวุธต่อสู้กับใคร
 
 ทว่าการที่ลอเรนมาหาในเวลาเช่นนี้ก็ไม่ใช่เรื่องดีนัก ร้อยวันพันปีเจ้าหล่อนเคยสนใจเขาเสียที่ไหน พบหน้าเมื่อใดพูดกันแทบนับคำได้ แม้แต่สายตาก็ยังแทบไม่ปรายตามามอง เหตุไฉนวันนี้จึงสนอกสนใจในตัวเขานัก เมลวินขบริมฝีปากครุ่นคิดหาคำตอบ ขณะที่เท้าทั้งสองขยับอย่างไม่รีบร้อนไปเปิดประตู
 
 ภาพที่เห็นทำให้เขาเกือบจะอ้าปากค้างเพราะไม่ได้มีแค่ลอเรนคนเดียวแต่ยังพ่วงสาวใช้มาอีกสองคน ในมือถือของพะรุงพะรัง ไม่แน่ใจว่ามีอะไรบ้าง แต่เท่าที่มองผ่าน ๆ น่าจะเป็นพวกครีมบำรุงผิวอะไรเทือกนั้น
 
 “คุณลอเรน...” เมลวินเบือนสายตากลับมามองผู้สูงวัยกว่า ยิ้มแห้ง ๆ ก่อนพึมพำถามว่า “เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ ทำไมถึง...”
 
 คนตรงหน้าแทรกตัวเข้ามาในบ้านอย่างกะทันหันจนเมลวินก้าวถอยหลังแทบไม่ทัน รอจนทั้งสามเข้ามาในบ้านเรียบร้อยแล้วจึงปิดประตู
 
 “ที่นี่ไม่ค่อยมีอะไรนะครับ”
 
 บ้านโล่ง ๆ มีเครื่องเรือนน้อยชิ้น เครื่องปรับอากาศก็อยู่ในสภาพย่ำแย่ ไม่ว่าจะปรับอุณหภูมิไปทางใดก็ดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยมีประสิทธิภาพเท่าใดนัก หน้าหนาวปีที่แล้วเขาถึงกับต้องห่มผ้าสี่ห้าผืนเพราะฮีตเตอร์ไม่ทำงาน
 
 “โล่งตาดีออกจ้ะ”
 
 ไม่รู้เป็นคำถากถางประชดประชัดหรือเจ้าหล่อนคิดดเช่นนั้นจริงๆ ถึงจะคลางแคลงในคำพูดนั้นแต่เขาก็ยิ้มรับ
 
 “ว่าแต่คุณลอเรนมีอะไรให้ผมรับใช้เหรอครับ”
 
 “ไม่มีอะไรมากหรอกจ้ะ ไม่ต้องตื่นเต้น”
 
 ...คนพูดมากกว่าที่ดูตื่นเต้น ตัวเขาไม่มีความรู้สึกอื่นใดนอกจากความระแวงและงุนงง
 
 ลอเรนดูกระวนกระวายและรีบร้อนกว่าทุกครั้ง เป็นเพราะอะไร เขาไม่รู้จริง ๆ
 
 “ฉันได้ครีมบำรุงผิวมา บริษัทเขาแจกน่ะ เลยเอามาแบ่งให้เราใช้ด้วย”
 
 แปลก...วันนี้ลอเรนทำตัวแปลกไปจนเขาตามไม่ทัน
 
 “อาบน้ำหรือยังจ๊ะเมล”
 
 ทั้งถามเรื่องอาบน้ำ ทั้งเรียกเขาอย่างสนิทสนมว่าเมล ทั้งที่ไม่เคยเรียกมาก่อน...ไม่ปกติจริง ๆ! ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมีแผนอะไร จงใจทำดีกับเขาขนาดนี้ ต้องการอะไรจากคนที่มีแต่ตัวอย่างเขากันเล่า?!
 
 “ยังครับ”
 
 “งั้นดีเลยจ้ะ”
 
 เมื่อลอเรนพยักหน้าส่งสัญญาณ สาวใช้ทั้งสองก็ยื่นข้าวของที่ถือไว้ในมือให้กับเขา
 
 “เอาไปใช้เลยนะเมล ฉันให้”
 
 “ให้ผมใช้เหรอครับ” คนที่ถูกยัดเยียดของให้อ้าปากค้าง พยายามผลักไสของกลับไป แต่สาวใช้ชิงเดินหนีไปเสียก่อน เขาจึงจำต้องรับของเหล่านั้นไว้อย่างจำใจ “ผมว่าคุณลอเรนเอาไปใช้ดีกว่าครับ ของพวกนี้ไม่น่าจะเหมาะกับผม”
 
 “เอาน่า...ไม่เคยใช้แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าเหมาะไม่เหมาะ เอาน่า...นาน ๆ ทีฉันถึงจะให้ของเธอสักที รับ ๆ ไว้เถอะ”
 
 “แต่...”
 
 “เห็นเขาว่าใช้แล้วหอม” ผู้สูงวัยกว่าพูดตัดบท ไม่รอคำปฏิเสธจากเขาอีกแม้แต่คำเดียว “เธอลองไปใช้ให้หน่อยเถอะเมล ฉันอยากรู้จริง ๆ ว่ามันหอมจริงหรือเปล่า แล้วจะหอมขนาดไหน วันหลังฉันจะได้ซื้อมาใช้บ้าง”
 
 เหตุผลของลอเรนฟังแปร่งหู ค่อนข้างประหลาดแต่ดู ๆ แล้วไม่ซับซ้อน คงไม่ได้ซ่อนแผนการอะไรไว้หรอกกระมัง เมลวินชั่งใจคิดอยู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้ายินยอมแต่โดยดี
 
 ปกติเขาใช้เวลาอาบน้ำไม่เคยเกินสิบห้านาที แต่เพราะมีลอเรนคอยกำชับให้ใช้นั่นใช้นี่อยู่ตรงประตู กว่าจะอาบเสร็จก็ปาไปเกือบชั่วโมง
 
 ตอนที่ก้าวเท้าออกมาจากห้องน้ำ ลอเรนแทบจะปรี่เข้ามาหา เดินล้อมหน้าล้อมหลัง มองสำรวจเขาพลางสูดจมูกฟุดฟิดดมกลิ่นหอมของครีมบำรุงต่าง ๆ ที่อบอวลอยู่บนตัวผม
 
 “หอมเหมือนกันนะ...ว่าไงเมล เธอชอบไหม”
 
 “ชอบครับ”
 
 ถึงเขาจะไม่ชอบใช้ครีมบำรุงพวกนี้สักเท่าไร แต่ก็ต้องยอมรับในความหอมที่ไม่ฉุนจมูกจนเกินไป
 
 “โอเค...หอม ๆ แบบนี้ ท่านน่าจะชอบละมัง”
 
 เพราะอีกฝ่ายพึมพำเสียงเบา เขาจึงได้ยินอย่างกระท่อนกระแท่นจับใจความไม่ได้ ได้ยินแค่คำว่าหอมกับท่าน ปะติดปะต่อถ้อยคำเหล่านั้นไม่ได้จึงคิดจะเอ่ยถาม แต่ลอเรนกลับยื่นชาร้อนถ้วยหนึ่งมาให้
 
 “ชาคาโมมายล์น่ะ เพื่อนฉันให้มาลองชิม ลองชิมดูสิ”
 
 ทำไมต้องให้เขาชิม? เมลวินถามตัวเองพลางหลุบตามองน้ำสีชาในถ้วยชาสีสวย แบบที่มองปราดเดียวก็รู้ว่าไม่เคยมีอยู่ในบ้านหลังนี้แน่นอน ลอเรนถึงกับหอบหิ้วมาด้วยเลยหรือ...แปลกจริง
 
 “ฉันไม่วางยาพิษเธอหรอกน่ะ เมล เห็นฉันเป็นแม้เลี้ยงใจร้ายหรือไง”
 
 คนถูกค่อนขอดยิ้มจืดเจื่อนพร้อมกับรับถ้วยชามาถือไว้โดยไม่คิดจะต่อต้านอีก
 
 ...แค่ชาถ้วยเดียวคงไม่เป็นอะไร คิดพลางยกขึ้นจิบอึกหนึ่ง กลิ่นหอมของคาโมมายล์ทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายจนลดความหวาดระแวงลงไปพอสมควร
 
 “รสชาติเป็นยังไง”
 
 “ก็ดีครับ”
 
 “งั้นก็ดื่มให้หมดเลยสิเมล รอเธอดื่มเสร็จฉันก็จะกลับละ”
 
 เพราะคำพูดนั้น เมลวินเลยไม่รีรอ ค่อย ๆ ดื่มชานั้นจนหมดด้วยความเร็วเท่าที่จะเร็วได้
 
 “เก่งมากหนุ่มน้อย”
 
 พอดื่มจนหมด ลอเรนก็เอ่ยชมเขา ใช้นิ้วโป้งลูบแก้มของเขาเบา ๆ ทีหนึ่งโบกมือลา โอเมก้าหนุ่มเดินไปส่งอีกฝ่ายถึงประตู มองจนลับตาจึงปิดประตูลงกลอน ลากเท้าเข้าห้องนอนอย่างสะลึมสะลือ ทันที่ที่ล้มตัวลงนอน เปลือกตาหนักอึ้งจนลืมไม่ขึ้น เขาทอดถอนใจ ยอมปลดปล่อยตัวเองให้ดำดิ่งสู่นิทรารมณ์ ลอยล่องอย่างแสนสบายอยู่ในนั้น จนกระทั่งกลิ่นเข้มขรึมหอมหวานของอะไรบางอย่างแทรกซึมเข้ามาในโสตประสาท ปลุกเร้าจิตวิญญาณอันสุขสงบ ทลายกำแพงแห่งความง่วงงุนและกระชากเขาจากห้วงนิทราสู่โลกความเป็นจริงอันโหดร้าย