องค์ชายที่เกิดมาไร้พลังเวทย์ บิดามารดาล้วนไม่ยอมรับในตัวตนของเขา พูดเหมือนตัวเขาเองนั้นไร้ประโยชน์ พี่น้องล้วนเกลียดชัง แต่มีเพียงพี่ชายคนโตที่รักเขาเหมือนคนในครอบครัวเท่านั้น จนกระทั่งในวันนั้นทุกอย่างล้วนเปลี่ยนไป เหตุการณ์น่าสยดสยองที่ไม่มีใครที่จะลืมเลือนมันไปได้

ไร้เวทมนตร์นั่นคือตัวตนที่ข้าโดนตราหน้าไว้ - บทที่ 2 ความอดทนที่มลายหายไป (2/2) โดย blueb3lls @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,ดาร์ค,ตะวันตก,เรื่องสั้น,แอคชั่น,ความแค้น,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ไร้เวทมนตร์นั่นคือตัวตนที่ข้าโดนตราหน้าไว้

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,ดาร์ค,ตะวันตก,เรื่องสั้น,แอคชั่น

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ความแค้น,แฟนตาซี

รายละเอียด

ไร้เวทมนตร์นั่นคือตัวตนที่ข้าโดนตราหน้าไว้ โดย blueb3lls @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

องค์ชายที่เกิดมาไร้พลังเวทย์ บิดามารดาล้วนไม่ยอมรับในตัวตนของเขา พูดเหมือนตัวเขาเองนั้นไร้ประโยชน์ พี่น้องล้วนเกลียดชัง แต่มีเพียงพี่ชายคนโตที่รักเขาเหมือนคนในครอบครัวเท่านั้น จนกระทั่งในวันนั้นทุกอย่างล้วนเปลี่ยนไป เหตุการณ์น่าสยดสยองที่ไม่มีใครที่จะลืมเลือนมันไปได้

ผู้แต่ง

blueb3lls

เรื่องย่อ

นิยายเรื่องสั้น


TRIGGER WARNING

 การฆ่าบุพการี,เลือด,มีการบรรยายถึงฉากการฆ่าคน,การตัดศีรษะคน,คำดูถูกและด้อยค่า,การวางยาพิษ







“องค์ชายผู้นั้นไงที่เกิดมาไร้พลังเวทย์ องค์จักรพรรดิเลยไม่ชื่นชอบโอรสองค์นี้ของพระองค์”

“โดนเหล่าพี่น้องเกลียดชังเพราะไร้พลัง มีเพียงองค์รัชทายาทที่ดูจะเอ็นดูเขาเท่านั้น”



คำของสาวใช้ภายในพระราชวังและเสียงหัวเราะเยาะที่ตัวเขา'ออเดรย์'เป็นองค์ชายที่ไร้พลังเวทย์ บิดามารดาของตนไม่เคยยอมรับ แม้จะปฏิบัติตัวดีเพียงใดพวกท่านล้วนไม่เห็นเขาอยู่ภายในสายตา มีเพียงพี่ชายของเขา'เกลนดา' เท่านั้นที่ยอมรับและใส่ใจเขา 







"กระหม่อมจะรับใช้ฝ่าบาทจนชีวิตจะหาไม่"

คำกล่าวสาบานของดยุกคีร์แรนที่เอ่ยต่อหน้าองค์จักรพรรดิคนใหม่ของเขา











เขียนโดย Blueb3lls

ภาพวาดโดย Mochii_roi ,shi_rohebi ,lunardarlia

โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านทุกครั้ง

สารบัญ

ไร้เวทมนตร์นั่นคือตัวตนที่ข้าโดนตราหน้าไว้-บทที่ 1 ความอดทนที่มลายหายไป (1/2),ไร้เวทมนตร์นั่นคือตัวตนที่ข้าโดนตราหน้าไว้-บทที่ 2 ความอดทนที่มลายหายไป (2/2),ไร้เวทมนตร์นั่นคือตัวตนที่ข้าโดนตราหน้าไว้-บทที่ 3 ข่าวลือ,ไร้เวทมนตร์นั่นคือตัวตนที่ข้าโดนตราหน้าไว้-บทที่ 4 พิธีราชาภิเษก,ไร้เวทมนตร์นั่นคือตัวตนที่ข้าโดนตราหน้าไว้-บทที่ 5 งานเลี้ยงฉลอง,ไร้เวทมนตร์นั่นคือตัวตนที่ข้าโดนตราหน้าไว้-บทที่ 6 ย้อนไปเมื่อ 1 เดือนก่อนหน้า,ไร้เวทมนตร์นั่นคือตัวตนที่ข้าโดนตราหน้าไว้-บทที่ 7 งานประลองดาล (1/2),ไร้เวทมนตร์นั่นคือตัวตนที่ข้าโดนตราหน้าไว้-บทที่ 8 งานประลองดาบ (2/2),ไร้เวทมนตร์นั่นคือตัวตนที่ข้าโดนตราหน้าไว้-บทที่ 9 การลอบสังหารในยามวิกาล,ไร้เวทมนตร์นั่นคือตัวตนที่ข้าโดนตราหน้าไว้-บทที่ 10 หวานปนพิษ,ไร้เวทมนตร์นั่นคือตัวตนที่ข้าโดนตราหน้าไว้-บทที่ 11 ความจริงที่เปิดเผย ความอดทนที่หายไป ไฟแค้นในใจที่เริ่มลุกโชน,ไร้เวทมนตร์นั่นคือตัวตนที่ข้าโดนตราหน้าไว้-บทพิเศษ การพักผ่อนขององค์จักรพรรดิ

เนื้อหา

บทที่ 2 ความอดทนที่มลายหายไป (2/2)

tw : บรรยายการตัดศีรษะ,ศพ,เลือด



เมื่อเอ่ยคำพูดนั้นออกมาปฏิกิริยาที่มองแม้ภายนอกจักรพรรดิจะดูสงบนิ่ง แต่นัยน์ตาทั้งสองข้างที่เบิกขึ้นเพียงเล็กน้อยนั้น ทำให้ตัวเขารับรู้ถึงข้อเท็จจริงของสิ่งเหล่านี้
ออเดรย์ไม่คาดคิดว่าผู้ให้กำเนิดตนเองทั้งสองของตนรวมหัวคบคิดที่สังหารเขา แม้จะขึ้นชื่อว่าคนไร้พลังเวทย์เป็นองค์ชายผู้โดนรังเกียจ
ถึงอย่างนั้นท่านทั้งสองกับสมคบคิดที่จะฆ่าเขาเลยเหรอ หรือมันเป็นเพราะงานประลองดาบในตอนนั้นที่เขาแสดงถึงวิชาดาบที่เขาฝึกฝนมาจนได้รับชัยชนะเหนือดยุกผู้แข็งแกร่งผู้นั้น
พวกท่านทั้งสองถึงได้คิดว่าตัวเขาเป็นตัวอันตรายที่ควรกำจัดทิ้งขนาดนั้นเลยหรือ หวาดกลัวที่ลูกชายคนโปรดจะไม่ได้ขึ้นสืบทอดบัลลังก์ของตนอย่างนั้นหรือ

ช่างน่าขัน พวกท่านเอ่ยว่าตัวข้านั้นไร้ประโยชน์แต่กับหวาดกลัวชายผู้ไร้พลังเวทย์และไร้ประโยชน์ผู้นี้ แถมยังคิดว่าเขาจะกำจัดท่านพี่อันเป็นที่รักของเขาอีก
พวกท่านเห็นข้าเป็นตัวอะไรหรือ เคยมองเขาออเดรย์ผู้นี้เป็นลูกในไส้ของพวกท่านบ้างหรือไม่ ยิ่งคิดยิ่งน่าสมเพชนักแม้แต่ชื่อของเขาที่ต้องได้รับการแต่งตั้งโดยองค์จักรพรรดิแต่กับไม่ใช่ท่านที่เป็นคนตั้งชื่อให้ข้า
คนที่ตั้งชื่อนี้ให้ข้าคือดยุก คีทธี ผู้เป็นบิดาของดยุกคีร์แรนคนปัจจุบัน คนที่ขึ้นชื่อว่าบุพการีของเขานั้นไม่เคยจะเหลียวแลตัวเขาสักครั้ง

คิดอะไรไปก็เท่านั้นทั้งสองท่านคงไม่เข้าใจตัวเขาเสียหรอก การตัดสินใจที่เด็ดขาดขององค์ชายห้า ทำให้เขายกดาบขึ้นอีกครั้งเพื่อจะตวัดตัดเข้าที่คอของจักรพรรดิแห่งอาณาจักรแองเจอโลให้ขาด แต่เมื่อฟาดดาบลงกับโดนสะท้อนจากโล่เวทมนตร์ที่ปรากฏขึ้นมา
ออเดรย์คิดไว้แล้วว่าทั้งสองนั้นจะไม่ยินยอมที่จะโดนเขาสังหารแต่ยังต้องจะปกป้องตนเองอยู่ เขาแม้จะไร้พลังเวทย์แต่ก็ยังคงรับรู้ถึงมันโล่มานาที่สร้างด้วยเวทมนตร์ชั้นสูง
เพื่อปกป้องจักรพรรดิและราชินี จักรพรรดิเมื่อเห็นโล่มานาปรากฏขึ้นเขาก็ลุกขึ้นจากบัลลังก์และทำสัญญาณมือเรียกใครบางคนออกมา แม้จะเหนือความคาดหมายแต่หน่วยสังหารลับกลุ่มนี้ก็ยังไม่สามารถล้มองค์ชายห้าผู้นี้ลงได้
แต่เขาก็ยังได้รับบาดแผลที่แขนด้านซ้าย เขาฟาดฟันต่อสู้กับหน่วยสังหารลับแม้จะลำบาก ที่แขนเขานั้นได้รับบาดเจ็บแต่มันไม่ได้เกินความสามารถของเขานัก
ศัตรูที่พุ่งเข้ามาเพื่อหวังปลิดชีพเขานั้นตัวองค์ชายห้านั้นเจอมาแล้วนับสิบ แม้ตัวเขาจะไร้พลังเวทย์แล้วอย่างไร ตัวเขาที่สามารถประลองดาบกับดยุกคีร์แรนได้อย่างสูสีนั้นถือว่ามีความสามารถเกินผู้ใดแล้ว แต่พวกเขาทั้งสองยังคงมองว่าตัวออเดรย์นั้นไร้ประโยชน์
สายตาของออเดรย์ที่จดจ้องอยู่แค่ชายหญิงที่ยืนอยู่หน้าบัลลังก์แต่ก็ยังคงหลบการโจมตีจากหน่วยสังหารได้ เขาอาศัยจังหวะที่หน่วยสังหารทั้งหมดพุ่งการโจมตีในครั้งเดียวมาที่เขา
ร่างโปร่งกระโดดหลบการโจมตีนั้นแล้วฟาดขาไปยังคนหนึ่งแล้วแทงดาบเข้ายังจุดตายแล้วตัดหัวของคนผู้นั้นออกอย่างไร้เยื่อใย อีกสองคนที่เหลือเมื่อเห็นว่าสมาชิกอีกคนนั้นโดนสังหารไปแล้วก็ค่อย ๆ ถอยออกไป หันมองหน้ากันตกลงกันโดยมีสัญญาณจากอีกคนสั่งให้โจมตี
หน่วยสังหารลับนั้นมีฝีมือการสังหารที่ดี แต่ถึงอย่างนั้นยังไม่ได้ดีพอจิตสังหารที่ทำให้เขารับรู้นั้นทำให้เขารู้การโจมตีจากคนทั้งสองแม้จะไม่ได้มองอยู่ก็ตาม
เขาตวัดดาบฟาดเข้าที่กลางอกของคนที่ใกล้ตัวที่สุดก่อนจะตัดหัวคนนั้นโดยไม่ให้รู้สึกตัว คนต่อมายังคงโดนองค์ชายห้าแทงเขาที่กลางอกแล้วจึงโดนตัดหัวทิ้งก่อนที่จะรู้สึกตัวเช่นเดียวกัน เลือดที่สาดกระเซ็นเต็มตัวของเขานั้นมาจากเลือดของศพที่กองอยู่ด้านหลังและยังมีเลือดที่ไหลอาบแขนด้านซ้ายที่ได้รับจากการโจมตีของหน่วยสังหารลับกลุ่มนี้
ฝีมือถือว่าร้ายกาจแต่พวกเขาทั้งสามยังคงด้อยประสบการณ์ในการสังหารคนอยู่มาก ออเดรย์ที่เคยฆ่ามือสังหารที่ท่านพ่อเขาส่งมาสังหารตัวเองแล้วนับสิบนั้นชินชากับการต้องโดนเข่นฆ่าและเป็นฝ่ายที่เข่นฆ่าเสียเองแล้ว

พื้นพรมสีแดงที่ปูทอดยาวตั้งแต่หน้าประตูมาจนถึงตัวบัลลังก์ล้วนย้อมไปด้วยสีแดงของเลือดจนลืมเลือนสีที่แท้จริงของมันไปเสียแล้ว
ศพนับยี่สิบชีวิตที่นอนตายอยู่ตรงหน้าของออเดรย์ล้วนเป็นฝีมือของตัวเขาทั้งสิ้น เขาหันขึ้นไปมองชายหญิงนั้นที่พยายามหลบนี้แต่ก็คงไม่รอดไปได้
ออเดรย์ไม่ได้กล่าวอะไรไม่ให้เสียเวลาพร่ำเพรื่ออีกต่อไป ร่างสูงโปร่งพุ่งตรงไปด้วยความเร็วสูงแทงดาบสีเงินเข้าไปที่ช่วงท้องของจักรพรรดินี
แล้วดึงมันออกมาออเดรย์ใช้ด้ามดาบทุบเข้าที่ศีรษะของจักรพรรดินีให้สลบไปก่อนจะพุ่งตรงไปที่ตัวของจักรพรรดิ แต่ก็โดนโล่เวทมนตร์ที่แสนน่ารำคาญนั้นกีดขวางการสังหารคนตรงหน้าเขาไว้ เขาฟาดฟันดาบลงไปเต็มแรงเท่าไหร่แต่กับไม่สามารถทำให้โล่เวทมนตร์ที่ปกป้องจักรพรรดิไว้แตกลงไปได้
ออเดรย์ถอยหลังไปใช้ความคิดไตร่ตรองและสังเกตโล่เวทมนตร๋ไม่ได้ปรากฏในตอนที่เขาไม่ได้คิดจะสังหารจักรพรรดิแต่กลับปรากฏออกในตอนนี้ที่เขาพุ่งตรงไปที่คนผู้นั้นเขาคิดเพียงชั่วคราวโดยสรุปไว้ว่าตัวโล่เวทมนตร์นั้นมีปฏิกิริยากับไอสังหารที่พุ่งจะเอาชีวิตคนที่มันกำลังปกป้อง
แต่ก็ยังคงมีจุดอ่อนนั้นเมื่อเขานั้นไม่คิดจะปล่อยจิตสังหารและลบเลือนตัวตนเพื่อไม่ให้เวทย์ชั้นสูงนี้สามารถจับได้ถึงตัวตนของเขา ร่างโปร่งใช้ก้าวย่างพริบตาไปอยู่ด้านหลังของร่างขององค์จักรพรรดิฟาดดาบลงไปที่กลางหลังขององค์จักรพรรดิให้อีกฝ่ายล้มลงไปเขาไปหยุดยืนอยู่ต่อหน้าองค์จักรพรรดิอีกครั้ง
ใช้ดาบคู่กายดาบเล่มนี้แทงทะลุกลางอกของร่างที่ก้มอยู่แทบเท้าของเขา ออเดรย์ก้มมองสีหน้าที่ตกใจสุดขีดของคนผู้นี้ ใบหน้าที่ไม่คิดจะยอมรับในความสามารถของเขายันวินาทีสุดท้าย
ออเดรย์รังเกียจสายตาแบบนั้นเป็นอย่างมาก เขาจึงดึงดาบออกมาแล้วกีดไปยังดวงตาคู่นั้นทิ้งแล้วจึงลงมือตัดศีรษะของคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นจักรพรรดิผู้แสนดีและโอบอ้อมอารีผู้นี้



ตุ้บ



เสียงหล่นของศีรษะจักรพรรดิที่กลิ้งมาหยุดอยู่ที่เท้าของเขา ออเดรย์ทำเพียงก้มพิจารณ์มันครู่เดียวก่อนเดินตรงไปยังผู้หญิงที่ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้ให้กำเนิดตน
ลมหายใจอันแผ่วเบาบ่งบอกได้ว่าเธอนั้นยังคงมีชีวิต ออเดรย์ไม่คิดอะไรมากมาย เขาลงมือตัดศีรษะของเธอทิ้งโดยไร้ความเยื่อใยในสายสัมพันธ์ของพวกเขา
ร่างสูงโปร่งขององค์ชายห้าก้มมองศีรษะคนผู้นั้นเพียงหางตาตนเองเท่านั้น นัยน์ตาที่แสนเย็นชาคู่นั้นย้อมไปด้วยสีแดงอันเป็นสัญลักษณ์ของอาณาจักรแองเจอโล
เส้นผมสีเงินที่เคยขาวสะอาดตอนนี้เต็มไปด้วยเลือดศพทั้งหลายที่อยู่ต่อหน้าของเขา ออเดรย์เดินตรงไปยังบัลลังก์สีทองแล้วนั่งลงไปตรงนั้น
กวาดสายตาสีเลือดคู่นั้นมองศพทั้งยี่สิบกว่าชีวิตที่โดนเขาสังหารด้วยความโหดเหี้ยม เขาไม่ลังเลในการสังหารแม้คนผู้นั้นจะเป็นถึงบุพการีของตนก็ตาม เขาไม่นึกเสียใจ



“เมื่อพวกท่านต้องการที่จะสังหารข้า ข้าเองก็สังหารพวกท่านได้เช่นกัน” ขณะที่พูดเอาก็นั่งลูบเก้าอี้ที่ไม่คิดว่าจะได้สัมผัสมัน เขาไม่เคยวาดหวังที่ตนจะได้นั่งบนบัลลังก์นี้แม้แต่ก้าวเดินเข้ามาในท้องพระโรงแห่งนี้
วันนี้เป็นครั้งแรกของออเดรย์ที่ได้เหยียบย่ำพรมสีแดงที่ปูยาวจนมาถึงหน้าบัลลังก์ แม้ตอนนี้พรมสีแดงสวยงามผืนนั้นได้อาบย้อมไปด้วยสีเลือดของคนสูงศักดิ์ทั้งสองและองค์ชายสองและองค์ชายสามรวมถึงเหล่าผู้ภักดีของพวกเขา แต่เหมือนออเดรย์จะลืมใครบางคนไปเสียแล้ว

“ขุนนางผู้นั้น คงออกไปแจ้งข่าวให้เหล่าอัศวินประจำพระราชวังแล้ว”

ไม่ทันไรเสียงฝีเท้านับร้อยที่เดินมาอยู่ตรงหน้าเขาพร้อมหันคมดาบทั้งหมดพุ่งตรงมายังชายที่นั่งบนบัลลังก์อย่างอาจหาญคนนั้น
ออเดรย์ที่เห็นดังนั้นจึงลุกขึ้นพร้อมยกดาบคู่กาย แม้สภาพร่างกายของตนจะไม่เหมาะกับการต่อสู้กับเหล่าอัศวินนับร้อยชีวิตที่อยู่ตรงหน้าเท่าไหร่นัก ก่อนที่ออเดรย์จะพุ่งตรงเข้าไปสังหารเหล่าอัศวินก็หยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงอันคุ้นเคยตามมาด้วยใบหน้าที่เขาคุ้นเคย
ชายร่างสูงที่สวมชุดที่อยู่ในตำแหน่งตนเองบ่งบอกถึงฐานะของชายคนนั้น นัยน์ตาสีทองอันเป็นเอกลักษณ์ของตระกูลบริดเจต เส้นผมสีดำดั่งท้องยามรัติกาล ผมที่ตัดสั้นเพราะด้วยความรำคาญใบหน้าคมและนัยน์ตาดุร้ายที่ใครมองก็ล้วนหวาดกลัว

ชายที่มีนามว่า “คีร์แรน บริดเจต” คนนั้นคนที่ได้ขึ้นรับตำแหน่งเป็นจอมพลควบคุมกองกำลังทหารนับแสนนาย ผู้ที่ช่วยปกป้องอาณาจักรแห่งนี้จากเหล่ามอนเตอร์มากมาย ผลงานของชายคนนี้เอ่ยเท่าใดก็ไม่มีวันหมดสิ้น
ร่างสูงเดินมาพร้อมกับพี่ชายของเขาอย่าง “ท่านพี่เกลนดา” ชายที่ได้รับเลือกให้เป็นองค์รัชทายาทและยังเป็นเพียงพี่ชายคนเดียวที่รักและเอาใจใส่เขาที่โดนเหล่าพี่น้องรังเกียจและไม่เป็นที่ยอมรับของท่านพ่อและท่านแม่

เกลนดาไม่สนใจศพทั้งหลายที่กองอยู่ทั่วท้องพระโรงเขาพุ่งตรงมาสวมกอดน้องชายอันเป็นที่รักของเขาไว้ ค่อย ๆ ลูบเลือนผมสีเงินสวยงามนั้นโดยความอ่อนโยน
เหมือนเกลนดาปลอบออเดรย์ในตอนที่อีกฝ่ายยังเด็ก แม้ทั้งตัวน้องชายของเขาจะอาบย้อมไปด้วยเลือดสีแดงสดชายหนุ่มนั้นได้หาสนใจไม่ เสียงสะอื้นไห้เมื่อได้รับรู้ข่าวที่น้องเขาโดนผู้ขึ้นชื่อว่าบิดาคิดจะลอบสังหารกี่ครั้งต่อกี่ครั้งที่ออเดรย์เสี่ยงชีวิต ตัวเขาไม่สามารถปกป้องน้องชายเขาได้เลยเขาจึงนึกเสียใจยิ่งนัก
ขณะที่วิ่งตรงมายังที่แห่งนี้ เกลนดาเงยหน้าขึ้นมามองใบหน้าอันเรียบนิ่งของน้องชายตัวเอง ใบหน้าที่แปดเปื้อนไปด้วยเลือดเขาค่อย ๆ เช็ดเลือดบนใบหน้าของน้องชาย ก่อนจะหันหลังกลับไปมองภาพที่เขาไม่คิดว่านี่คือฝีมือน้องชายตนเอง เกลนดากวาดสายตาไปทั่วท้องพระโรงอันคุ้นเคยจนมาสะดุดกับร่างร่างหนึ่งที่ไร้ศีรษะ
แต่ชุดและเครื่องแต่งกายที่เกลนดาเห็นมานานนับสิบปีนั้นทำให้เขารู้ว่า ร่างนั้นคือร่างของใคร ยิ่งเกลนดามองมากเท่าไหร่เขายิ่งคิดว่ามันช่างโหดร้ายยิ่งนัก เขาไม่รู้จะเอ่ยคำพูดอะไรออกไปเลย
ในตอนที่วิ่งเข้ามานั้นเขาไม่ได้สังเกตที่แห่งนี้ให้ดี จึงไม่สามารถรับรู้ถึงความไร้ปรานีของน้องชายตัวเอง ถึงออเดรย์จะน่าสงสารเพียงใดแต่การกระทำของร่างโปร่งตรงหน้าเขามันก็ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง



หลังจากนี้เขาควรที่จะสั่งสอนน้องชายตนเองให้ดีกว่านี้เสียแล้วแต่ตอนนี้ทำได้เพียงเฝ้าดูปฏิกิริยาอีกฝ่ายเท่านั้น



ออเดรย์มองใบหน้าของพี่ชายตนเองเมื่อเห็นศพทั้งยี่สิบกว่าชีวิตตรงหน้า สีหน้าอีกฝ่ายทั้งแฝงไปด้วยความหวาดกลัวแต่ก็เพียงชั่วครู่
เกลนดาสามารถเก็บสีหน้าของตัวเองให้เรียบนิ่งและนอบน้อมดังเช่นเดิม ก่อนจะหันกลับมามองเขาอีกครั้ง ออเดรย์พยักหน้ากับพี่ชายตนเองเล็กน้อยก่อนจะก้าวเดินด้วยความมั่นคง
ไปหยุดยืนตรงหน้าของดยุกคีร์แรน นัยน์ตาสีทองก้มลงมามองเขาก่อนจะส่งสัญญาณให้อัศวินด้านหลังปลดอาวุธ คีร์แรนคุกเข่าลงตรงหน้าเขาและกล่าวคำที่ทำให้ร่างสูงโปร่งนิ่งอึ้งไปชั่วขณะหนึ่ง

“กระหม่อม คีร์แรน บริดเจต ขอแสดงความยินดีกับฝ่าบาทออเดรย์ ฟาร์น แองเจอโล ผู้ที่ช่วงชิงบัลลังก์และขึ้นเป็นจักรพรรดิองค์ที่ 13 แห่งอาณาจักรแองเจอโล”

“กระหม่อมขอสาบาน จะรับใช้ฝ่าบาทจนชีวิตตนเองจะหาไม่ พ่ะย่ะค่ะ” คำกล่าวของดยุกคีร์แรน ทำให้เหล่าอัศวินทั้งร้อยชีวิตล้วนคุกเข่าทำความเคารพเขา ผู้ที่ตอนนี้ได้รับตำแหน่งจักรพรรดิองค์ที่ 13 พวกเขาทั้งหมดคุกเข่าแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่นให้สมกับการเป็นอัศวิน

“พวกข้าเหล่าอัศวินแห่งอาณาจักรแองเจอโล ขอสาบานจะรับใช้องค์จักรพรรดิจนชีวิตจะหาไม่!!!” เสียงดังกึกก้องของเหล่าอัศวินนับร้อย ทำให้เสียงนี้ดังไปทั่วทั้งพระราชวังทำให้เหล่าสาวใช้และผู้คนที่เดินไปผ่านมาได้หันมามองข้างในท้องพระโรงแห่งนี้
โถงท้องพระโรงที่ผ่านไปไม่นานกับเต็มไปด้วยเลือดสีแดงฉานและกองศพหลายชีวิตภาพที่สามารถเขย่าขวัญผู้อ่อนแอให้หวาดผวา ทำได้เพียงคุกเข่าลงน้อมรับการขึ้นครองราชย์ของจักรพรรดิคนใหม่ แม้จะยังไม่เป็นทางการนักแต่ภาพของศพทั้งอดีตองค์จักรพรรดิและอดีตองค์จักรพรรดินี
รวมศีรษะทั้งสองที่โดนตัดทิ้งนั้นเป็นสัญลักษณ์อย่างดีที่เหล่าข้ารับใช้ควรจะสวามิภักต่อ ออเดรย์ ฟาร์น แองเจอโล ในนามของจักรพรรดิองค์ใหม่

ภายในท้องพระโรงแห่งนี้ทั้งเหล่าข้ารับใช้และอัศวินทั้งร้อยชีวิตล้วนคุกเข่าให้ออเดรย์ รวมทั้งดยุกคีร์แรนและไม่เว้นแม้แต่ผู้ที่เคยมีศักดิ์สูงกว่าออเดรย์อย่างเกลนดา
พวกเขาทั้งหมดล้วนคุกเข่าต่อหน้าเขา ภาพของท้องพระโรงที่เต็มไปด้วยผู้คนกว่าร้อยชีวิตและเลือดสีแดงฉาน รอยเลือดที่แปดเปื้อนไปทั่วสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ ศพทั้งยี่สิบศพที่นอนเกลื่อนกลาด

ภาพของการสังหารอันน่าหวาดกลัวนี้จะเป็นภาพที่ติดตาของทุกคนในที่แห่งนี้ตลอดไป นับตั้งแต่นั้นข่าวลือการขึ้นครองราชย์ของออเดรย์ก็แพร่กระจายออกไป
ร่วมถึงเรื่องที่ตัวออเดรย์สังหารจักรพรรดิและราชินีรวมถึงพี่ชายทั้งสองของตนอีกด้วย ชื่อเสียงในด้านลบของออเดรย์จากเหตุการณ์ในวันนั้นทำให้ประชาชนในประเทศล้วนหวาดหวั่น พวกเขากังวลที่จักรพรรดิองค์นี้จะดูแลพวกเขาได้จริงหรือ ออเดรย์ผู้ที่สามารถสังหารแม้แต่บุพการีของตนได้
ถ้าพวกเขาผู้ต้อยต่ำไปทำให้คนผู้นั้นโกรธเกรี้ยวพวกเขาทั้งหมดคงไม่โดนสั่งประหารกันหมดหรอกใช่หรือไม่ ข่าวลือมากมายทำให้ผู้คนล้วนหวาดกลัวองค์จักรพรรดิพระองค์ใหม่มากยิ่งขึ้น
แม้จะยังไม่ได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการเพราะต้องมีการจัดเตรียมพิธีราชาภิเษกองค์จักรพรรดิพระองค์ใหม่ แต่ถึงอย่างนั้นงานทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับอาณาจักรและอื่น ๆ อีกมากมาย
ต่างต้องการให้ตัวเขาเป็นผู้ตัดสินใจแม้จะมีเกลนดาผู้ที่เป็นพี่ชายของเขาคอยให้คำปรึกษาและสั่งสอนการบริหารจัดการอาณาจักรแห่งนี้
ในตอนนี้เกลนดาอดีตองค์รัชทายาทนั้นได้ถูกปลดตำแหน่งและลดขั้นเป็นเพียงที่ปรึกษาข้างกายองค์จักรพรรดิเท่านั้น แต่ถึงอย่างนั้นอำนาจการสั่งการรองจากออเดรย์ ล้วนเป็นของเกลนดาทั้งสิ้น มีเพียงคำสั่งของเหล่าอัศวินและทหารภายใต้การดูของดยุกคีร์แรนและองค์จักรพรรดิอย่างตัวเขาเท่านั้นที่มีอำนาจสั่งการ